บทที่ 5

ตอนที่ผมเลี้ยวรถเข้าโรงแรม ผมก็ได้แต่หวังว่าตัวเองไม่น่าไปเดทกับเฟลิเซียเลย ผมจ้างเธอเพราะเธอน่าสนใจ และเราก็ไปเดทกันสองสามครั้ง ผมมารู้ทีหลังว่าเธอบ้าหลุดโลกสิ้นดี และผมก็บอกเธอไปว่าในอาชีพของเรา การไม่คบกันน่าจะปลอดภัยกว่า

ผมเลี้ยวเข้าที่จอดรถประจำของตัวเองและตัดสินใจว่าจะพาเฟธเข้าไปตรงๆ แล้วขึ้นลิฟต์ตัวแรกที่เจอเลย ถ้าพ่อของเธอมาเจอว่าเธออยู่กับผม เขาฆ่าเธอแน่ แต่สิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือ ผมจะฆ่าเขาก่อนโดยไม่กะพริบตาด้วยซ้ำ ผมชินกับเรื่องเหี้ยๆ แบบนั้นแล้ว และมันก็ไม่ได้กระทบกระเทือนจิตใจผมอีกต่อไป

ผมอุ้มเฟธขึ้นมาแล้วพาเธอเข้าไปข้างใน ผมเข้าไปในลิฟต์ตัวแรกตามแผนและถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก วิกฤตการณ์ผ่านพ้นไปแล้ว ผมเปิดประตูห้องพักของโรงแรมแล้วใช้เท้าเตะมันปิด ผมพาเธอไปที่เตียง ดึงผ้าห่มออกแล้ววางเธอลง ถอดรองเท้า กางเกง และเสื้อท่อนบนของเธอออกก่อนจะห่มผ้าให้

เธอดูราวกับนางฟ้า เส้นผมสีน้ำตาลเข้มของเธอแผ่สยายอยู่บนหมอนสีขาวที่นุ่มฟู และขนตายาวงอนของเธอก็เกือบจะจรดแก้ม ริมฝีปากของเธอมีรอยยิ้มเล็กๆ ประดับอยู่ขณะที่เธอหลับอย่างสงบ และมันก็เชื้อเชิญให้ผมจูบเหลือเกิน

ผมต้องการอะไรมาดึงความสนใจนิดหน่อย เลยปีนขึ้นไปนอนข้างๆ เธอ เปิดโทรศัพท์กลับมาเพื่อลบข้อความบ้าๆ ทั้งหมดที่ผมรู้ว่าเฟลิเซียต้องส่งมาแน่ๆ ผมคิดถูก ทันทีที่โทรศัพท์เปิดเครื่อง มันก็สว่างวาบเหมือนต้นคริสต์มาส ผมต้องลดเสียงลงเพื่อไม่ให้รบกวนเฟธ ข้อความแรกที่เธอส่งมาก็ไร้สาระไม่ต่างจากข้อความถัดไป

“ทำไมอีดอกนั่นมันพิเศษนักหนา?”

“บอกฉันทีเถอะว่านั่นเป็นแค่กะหรี่หรืองาน ฉันคิดถึงคุณนะ”

“ที่รัก ฉันขอโทษจริงๆ ที่โกรธ...ได้โปรดกลับบ้านเถอะนะ”

“ฉันมีงานใหม่ให้คุณจริงๆ นะ นักธุรกิจใหญ่ในโรงแรมเดียวกับคุณต้องการให้จัดการงานให้”

ผมกลอกตากับความเรียกร้องความสนใจของเธอแล้วพิมพ์ตอบกลับไป “อย่างแรก ผมไม่ใช่ที่รักของคุณและจะไม่มีวันเป็น อย่างที่สอง ถ้าคุณดูถูกแฟนผมอีก คุณได้เจอดีแน่ ย้ำอีกครั้ง ผมมาพักร้อน อย่าติดต่อมาอีกถ้าไม่ใช่เรื่องฉุกเฉินจริงๆ”

หลังจากนั้นผมก็ตั้งค่าโทรศัพท์เป็นโหมดห้ามรบกวนแล้ววางมันไว้บนโต๊ะข้างเตียง ผมตัดสินใจว่าจะงีบสักหน่อยแล้วดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวและนอนลง ไม่นานผมก็ผล็อยหลับไป

มุมมองของเฟธ

“เชี่ย!” ฉันตะโกนขณะที่ลุกพรวดขึ้นนั่งบนเตียง

ฉันรู้สึกถึงมือของไบรอันที่เอื้อมมาจับมือฉันในขณะที่เขายังคงกึ่งหลับกึ่งตื่น

“เป็นอะไรไป ที่รัก” เขาพูดเสียงงัวเงีย

“พ่อต้องฆ่าฉันแน่! นี่มันกี่โมงแล้ว”

เขาลุกขึ้นนั่งแล้วใช้นิ้วนวดขมับขณะที่อีกมือยังคงจับมือฉันไว้ “ช่างแม่งสิ” เขาพูดขณะพยายามจะดึงฉันกลับลงไปนอนบนเตียงกับเขา

“ไม่นะ คุณไม่เข้าใจ” ฉันพูดอย่างหวาดผวา “เขาจะทุบตีน้องๆ ฉันถ้าหาฉันไม่เจอ” ฉันพูดขณะรีบคว้าเสื้อผ้าที่ใส่เมื่อคืนมาสวม

เขาลุกขึ้นยืนแล้วสวมกางเกง “ฉันปล่อยให้เธอไปโดนเขาทารุณไม่ได้ และฉันก็ปล่อยให้น้องๆ ของเธอต้องมารับเคราะห์แทนเธอไม่ได้เหมือนกัน ฉันต้องทำอะไรสักอย่าง”

ฉันเดินไปคุกเข่าลงที่เท้าของเขา โอบแขนรอบขาแล้วดึงเขาเข้าหาอก เงยหน้าขึ้นมองดวงตาสีเขียวสวยของเขา “ได้โปรดเถอะนะไบรอัน คุณทำแบบนั้นไม่ได้”

เขาทรุดตัวลงมาในระดับเดียวกับฉันแล้วโอบแขนรอบตัวฉัน ดึงฉันเข้าไปหา เขากระซิบข้างหู “ผมสัญญา ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิตของผมเอง ผมจะจบเรื่องนี้เพื่อคุณให้ได้”

เขาผละออกแล้วมองลึกเข้ามาในตาของฉันก่อนจะจูบฉัน ฉันต้องการเขาและเขาก็รู้ ฉันต้องการความรักที่เขามอบให้ แต่ฉันก็รู้สึกว่าเขาเองก็ต้องการความรักที่ฉันจะมอบให้เขาได้เหมือนกัน ฉันแค่ไม่รู้ว่าทำไม

ฉันเอนตัวไปข้างหลัง ดึงเขาเข้ามาใกล้เพราะต้องการให้เขาสัมผัสได้ถึงจิตวิญญาณของฉันมากขึ้น เขาระดมจูบไปตามลำคอขณะที่ขาของเราพัวพันกันและนิ้วมือของเราสอดประสานกัน เขาไล้เลียกลับขึ้นมาในรูปแบบเดิมจนถึงริมฝีปากของฉันแล้วจูบฉันอย่างหนักหน่วง แล้วช่วงเวลานั้นก็หยุดลงเมื่อโทรศัพท์ของฉันดังขึ้นและหัวใจของฉันก็หยุดเต้น ฉันเห็นว่าเป็นเวลาห้าโมงเย็นและเบอร์ที่ปรากฏบนหน้าจอก็คือเบอร์ของพ่อ

“ฉันขอโทษ” ฉันร้องไห้ ไม่อยากให้ช่วงเวลาแห่งความสุขของเราจบลง “ฉันต้องรับ” ฉันพูดขณะรวบรวมสติแล้วรับโทรศัพท์

ไบรอันดึงฉันเข้าไปใกล้เพื่อปลอบโยนเพราะเขารู้ว่าฉันต้องกลัวแทบตายตอนรับโทรศัพท์ มือฉันสั่นขณะที่ยกโทรศัพท์ขึ้นแนบหู “ฮัลโหลค่ะพ่อ” ฉันพูดด้วยเสียงแผ่วเบา

“มึงหายหัวไปไหนมา อีตัวแสบ!” เขาตะคอกใส่ฉัน

แขนของไบรอันกระชับรอบตัวฉันแน่นขึ้น มันทำให้ฉันรู้สึกปลอดภัยเมื่ออยู่กับเขา แต่ลึกๆ แล้วฉันรู้ว่าทันทีที่เดินออกจากประตูบานนี้ไป ฉันก็ฉิบหายแน่ ที่หลบภัยของฉันจะไม่มีอีกต่อไปและฉันจะต้องยอมรับทุกอย่างที่พ่อจะยัดเยียดให้ “หนูแค่ไปเจอเพื่อนที่โรงแรมน่ะค่ะพ่อ แล้วเราก็ไปเที่ยวกัน” ฉันรู้สึกได้ว่าเสียงของตัวเองเริ่มสั่น

“มึงก็รู้ว่าเพื่อนทุกคนต้องผ่านการอนุมัติจากกูก่อน” เขาคำราม

“หนูรู้...หนูขอโทษค่ะพ่อ” ฉันพูดขณะที่เริ่มร้องไห้

“ไสหัวสารรูปของมึงกลับมาที่ห้องเดี๋ยวนี้!” เขาตะคอกแล้วตัดสายทิ้ง

ฉันหันไปเผชิญหน้ากับไบรอัน ก้มหน้าต่ำ รู้ดีว่าเขาไม่อยากให้ฉันไป และฉันก็รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังอยู่บนรถไฟเหาะแห่งความซวยที่ไม่สิ้นสุด ฉันรู้ว่าควรจะอยู่กับเขา แต่ฉันทำไม่ได้เพราะน้องชายและน้องสาวของฉัน “ฉันขอโทษ ฉันต้องไปแล้ว”

เขาเชยคางฉันขึ้นแล้วใช้นิ้วโป้งเช็ดน้ำตาให้ก่อนจะจูบฉันเบาๆ เขาถึงฉันเข้ามากอด ฉันเริ่มร้องไห้เพราะหัวใจของฉันอยากจะอยู่ในห้องนี้กับเขา “อย่าได้ขอโทษเพื่อคนแบบนั้นเด็ดขาด ผมสัญญาแล้วว่าจะพาคุณออกมาให้ได้ และผมก็จะทำ”

เขาจูงมือฉันไปที่ประตูแล้วเปิดให้ เขาจูบฉันเร็วๆ อีกครั้งก่อนที่ฉันจะบังคับตัวเองให้เดินออกจากประตูไปทั้งน้ำตา ฉันได้ยินเสียงเขาเรียกชื่อฉันให้กลับมา อ้อนวอนให้ฉันอยู่ต่อ แต่ฉันทำไม่ได้ ครอบครัวคือความรับผิดชอบของฉัน

ฉันรีบไปที่ลิฟต์แล้วกดปุ่มไปชั้นสิบแปด หัวใจฉันเต้นระรัวเมื่อรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับฉันทันทีที่เดินเข้าประตูไป ประตูลิฟต์เปิดออกและมือของฉันก็เริ่มสั่น ฉันกำมันเข้าหากันเป็นหมัดเพื่อไม่ให้มันสั่น ฉันบังคับให้ขาตัวเองก้าวออกไปยืนที่หน้าประตู ทันทีที่ฉันหยิบคีย์การ์ดออกจากกระเป๋า ประตูก็เปิดผางออก

บทก่อนหน้า
บทถัดไป