บทที่สี่
มุมมองของเบธานี
"หมายความว่ายังไงคะ ฉันมีเงินครึ่งหนึ่งของทั้งหมดอยู่ตรงนี้แล้ว และคุณจะไม่ทำอะไรเลยจริงๆ เหรอคะ" ฉันยืนสับสนอยู่ต่อหน้าคุณหมอในห้องทำงานซึ่งแทบไม่ชายตามองเช็คที่วางอยู่บนโต๊ะเลย
"ผมคงไม่เรียกนี่ว่าครึ่งหนึ่งของทั้งหมดหรอกนะ คุณรู้ตัวไหมว่าน้องสาวของคุณกินอาหารฟรีมาตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา คุณจ่ายแค่ค่ายากับค่าพยาบาลเวรดึกของเธอเท่านั้น ถ้าเราหักค่าอาหารไป คุณยังติดหนี้ค่าผ่าตัดอีกเยอะเลย"
"คุณหมอเรย์มอนด์ คุณไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฉันทำอะไรไปบ้าง ต้องผ่านอะไรมาบ้างกว่าจะได้เงินก้อนนี้มา" ฉันชี้ไปที่เช็คบนโต๊ะ นิ้วสั่นเทา "นี่มันใจร้ายเกินไปแล้วนะคะ ให้ตายสิ ฉันยอมสละทุกอย่างที่พอจะมีแล้ว จนต้องใช้วิธีสุดท้ายของฉัน คุณจะให้ฉันทำอะไรอีกคะ ยอมแพ้แล้วปล่อยให้น้องสาวฉันตายไปเฉยๆ งั้นเหรอ"
เขาถอนหายใจ บีบสันจมูกตัวเองก่อนจะคว้าเช็คไป "เงินนี่พอจะช่วยให้เราเริ่มการรักษาอย่างเป็นทางการได้ แต่ถ้าคุณอยากให้เธอได้รับการผ่าตัด คุณก็ควรจะจ่ายค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดให้ครบก่อนอาทิตย์หน้า"
"อาทิตย์หน้า..." ฉันปาดน้ำตา "หมายความว่ายังไงคะอาทิตย์หน้า นี่เรากำลังพูดถึงเงินเป็นล้านเลยนะคะ"
"คืองี้นะ น้องสาวคุณใช้เครื่องพยุงชีพมาสองเดือนแล้ว และร่างกายของเธอก็รับไม่ไหวอีกต่อไป ตอนนี้ระบบต่างๆ เริ่มล้มเหลวแล้ว และเธอก็คงจะทนต่อไปไม่ไหว"
แม้กระทั่งตอนที่เดินออกจากโรงพยาบาล คำพูดของคุณหมอก็ยังคงดังก้องอยู่ในหัว ฉันไม่กล้าแม้แต่จะสู้หน้าน้องสาวตัวเอง ทำได้เพียงมองเธอผ่านหน้าต่างกระจกใส เห็นเธอนอนหลับอย่างเงียบสงบโดยมีเสียงบี๊บจากเครื่องวัดอัตราการเต้นของหัวใจดังอยู่ข้างๆ
น้องสาวผู้ร่าเริงของฉัน คนที่เคยเปี่ยมไปด้วยพลังงาน ตอนนี้กลับกลายเป็นเด็กสาวผอมซีดราวกับภูตผีที่ใกล้จะสิ้นใจ
บนท้องถนน ผู้คนต่างจ้องมองฉันเหมือนคนบ้า ในขณะที่ฉันร้องไห้ออกมาอย่างไม่อายใคร ตัวสั่นเทิ้มด้วยแรงสะอื้นและความโกรธ
น้องสาวของฉันกำลังจะตาย และฉันก็ทำอะไรไม่ได้เลย
ฉันลองโทรหาโจเอล มันเป็นการกระทำที่น่าละอาย แต่ฉันไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว ทว่าฉันก็เพิ่งรู้ตัวว่าเขาบล็อกเบอร์ฉันไปอย่างถาวรแล้ว เพราะเบอร์ของเขาไม่มีอยู่ในระบบอีกต่อไป
ใจสลายจนแหลกละเอียด ฉันทรรุดตัวลงคุกเข่า น้ำตารินไหลอาบแก้มอย่างขมขื่น ทันใดนั้นก็มีสายเรียกเข้า และเมื่อเห็นว่าเป็นแม่เลี้ยงที่โทรมา ฉันก็กดรับสายโดยไม่ลังเล
"ฮัลโหล..." ฉันเป็นฝ่ายพูดก่อน ลมหายใจติดขัดอยู่ในลำคอขณะรอฟังคำพูดต่อไปของเธอ
"เธอบอกว่าค่าโรงพยาบาลเท่าไหร่นะ" น้ำเสียงของเธอฟังดูไม่ใส่ใจ แต่ฉันบอกได้ว่าเธอจริงจัง
"สองล้านดอลลาร์ค่ะ แต่ว่า..."
"ฉันจะส่งไปให้สามล้านดอลลาร์ เงินไม่ใช่ปัญหา" เมื่อได้ยินคำพูดของเธอ ในที่สุดฉันก็ลุกขึ้นจากพื้น เกาะราวเสาไฟถนนเพื่อพยุงตัว ภาพตรงหน้าพร่ามัวไปด้วยน้ำตา "แต่เธอพร้อมสำหรับราคาที่ต้องจ่ายหรือยังล่ะ เธอก็รู้ว่าสามล้านมันเป็นเงินจำนวนมหาศาล..."
"หนูพร้อมสำหรับทุกอย่างค่ะ คุณแม่จอยซ์ ทุกอย่างจริงๆ หนูไม่สนแม้ว่ามันจะหมายถึงการขายวิญญาณให้ปีศาจ หนูก็จะทำ" ฉันพูดด้วยแววตาที่มุ่งมั่นเด็ดเดี่ยว ไม่สนใจสายตาแปลกๆ ที่คนเดินผ่านไปมามองมา
"ดีที่ให้ความร่วมมือดี อีกไม่กี่นาทีจะมีผู้หญิงชื่อมีร่าโทรหาเธอ และจะบอกเส้นทางไปที่ศาล ที่นั่นเธอจะต้องหมั้นหมายตามกฎหมายกับใครคนหนึ่งที่กำลังต้องการคู่หมั้นอยู่พอดี"
เรื่องราวมันไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย แต่ ณ จุดนั้น ฉันรู้ดีว่าตัวเองไม่มีเหตุผลที่จะคัดค้าน
"ว่าไงล่ะ ตกลงไหม หรือจะให้ฉันเอาเงินไปให้คนอื่น" เธอพูดด้วยน้ำเสียงเจือความขมขื่น
"เดี๋ยวก่อนค่ะ หนูจะทำ แต่ว่า...ผู้ชายที่หนูจะต้องไปหมั้นด้วยคือใครคะ คุณมีร่าไม่ได้บอกอะไรเกี่ยวกับเขาบ้างเลยเหรอคะ"
“ไม่ ฉันบอกทุกอย่างที่รู้ไปแล้ว ตอนแรกหล่อนต้องการวิเวียน แต่ฉันไม่รู้ว่าไอ้สารเลวนั่นเป็นใครที่จะมาหมั้นกับน้องแก ฉันเลยไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องทำให้แกใจเย็นลง อีกอย่าง วิเวียนก็เจอเมทของเธอแล้ว”
ฉันกำโทรศัพท์แน่น หัวใจบีบรัดด้วยความเจ็บปวดขณะกระซิบ “พี่รู้อยู่แล้ว”
“เดี๋ยวจะมีคนโทรหาแก ส่งรายละเอียดบัญชีมา แล้วฉันจะโอนทุกอย่างให้หลังจากแกเซ็นเอกสารที่จำเป็นเรียบร้อยแล้ว”
“แล้วฉันจะแน่ใจได้ยังไงว่าพี่จะรักษาสัญญา”
“ก็...แกไม่มีทางเลือกนี่นา?” แล้วหล่อนก็หัวเราะอย่างชั่วร้ายก่อนจะตัดสายไป
เป็นจริงอย่างที่หล่อนว่า ฉันได้รับโทรศัพท์จากมิรา ฉันจึงเรียกแท็กซี่และในไม่กี่นาทีก็มาถึงที่หมาย ฉันพยายามจัดชุดเดรสเก่าๆ ของฉันให้เข้าที่และจัดแต่งทรงผม แต่เธอก็หยุดฉันไว้ข้างนอก
ทันใดนั้นก็มีรถตู้คันหนึ่งมาจอดข้างหลังเรา มิราอธิบายว่า “ก่อนที่เขาจะมาถึง คุณต้องดูดีที่สุดต่อหน้าเขา ยังไงซะคุณก็คือภรรยาในอนาคตของเขานะคะ”
ก่อนที่ฉันจะได้ทันประท้วง ฉันก็ถูกพาตัวเข้าไปในรถตู้ ฉันถูกเปลี่ยนให้สวมชุดเดรสที่แพงที่สุดชุดหนึ่งเท่าที่เคยเห็น มันระยิบระยับไปด้วยเพชรแท้และโอบรัดส่วนโค้งเว้าของร่างกายฉันได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ทั้งรองเท้า เครื่องสำอาง รวมถึงเครื่องประดับ ทุกอย่างล้วนราคาแพงลิบลิ่ว เป็นสิ่งที่ฉันไม่เคยแม้แต่จะฝันว่าจะได้สวมใส่ ฉันมั่นใจเลยว่าใครก็ตามที่ฉันกำลังจะหมั้นด้วยนั้นร่ำรวยมาก แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ฉันสบายใจขึ้นเลยเมื่อรู้ว่าฉันไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลยสักนิด
ในไม่ช้า ฉันก็ถูกพาตัวเข้าไปในศาลโดยมีมิราและผู้คุ้มกันอีกสองคนขนาบข้าง ที่นั่น ฉันเห็นชายคนหนึ่งยืนอยู่แล้ว ฉันหรี่ตามอง พลางสงสัยว่าทำไมเขาดูคุ้นๆ และเมื่อเขาหันมา สบตาสีเขียวคู่นั้นเข้ากับตาของฉัน ฉันก็ตัวแข็งทื่ออยู่กับที่
“เธอ!” น้ำเสียงของเขาเย็นเยียบขณะจ้องมองมาที่ฉัน ฉันรู้สึกคอแห้งผากขณะยืนอยู่ตรงนั้นอย่างทำอะไรไม่ถูก
อัลฟ่าเดเมียน เขาคือคู่หมั้นในอนาคตของฉัน ชายที่ฉันกำลังจะหมั้นด้วย และดูเหมือนเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเป็นฉัน โชคชะตาช่างเป็นเกมที่โหดร้าย และเราก็เป็นเพียงหุ่นเชิดของมัน
“คุณอดัม มีอะไรผิดปกติหรือเปล่าคะ” มิราถาม สายตาของเธอเลื่อนจากฉันไปที่เขา
“นี่คือตัวเลือกเดียวที่เรามีจริงๆ เหรอ” เขาถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ ฉันรู้สึกละอายใจในตัวเองเหลือเกิน แต่ฉันต้องเข้มแข็งไว้ ยิ่งเราเซ็นเอกสารเร็วเท่าไหร่ น้องสาวของฉันก็จะยิ่งได้เริ่มผ่าตัดเร็วขึ้นเท่านั้น
“ค่ะ” มิราตอบ และเขาก็ถอนหายใจ
“ก็ได้ คนนี้ก็ได้” เขาหันมาหาฉันแล้วยื่นปากกาให้ ซึ่งฉันก็รับมันมาจากมือเขาอย่างเงอะงะ “อ่านให้ละเอียดก่อนเซ็น”
ฉันมองดูกระดาษซึ่งมีลายเซ็นของเขาอยู่แล้วในช่องที่กำหนด ก่อนจะอ่านข้อตกลงอย่างละเอียด ในนั้นระบุว่าเราจะอยู่ด้วยกันเพียง 6 เดือนก่อนจะหย่าร้าง และฉันจะได้รับทรัพย์สินบางอย่างของเขาเป็นการชำระเงินสำหรับข้อตกลงนี้ นอกจากนี้ยังมีกฎเกณฑ์บางอย่างในข้อตกลงการแต่งงานของเรา ซึ่งบางข้อน่าหัวเราะสิ้นดี อย่างไรก็ตาม ข้อสุดท้ายดึงดูดความสนใจของฉัน
อัลฟ่าอดัมไม่ต้องการให้มีการสัมผัสทางกายหรือแสดงความรักต่อกัน เว้นแต่ในกรณีที่จำเป็น ซึ่งอาจจะเป็นตอนอยู่ต่อหน้าแม่ของเขาหรือต่อหน้าสื่อ แต่นอกเหนือจากนั้น ฉันไม่ควรคาดหวังว่าเขาจะเล่นบทบาทสามีหรือเมทที่เปี่ยมรัก
ฉันหลับตาลงและสูดหายใจลึกเพื่อกลั้นน้ำตา ฉันสัญญาแล้วไม่ใช่เหรอ? ว่าจะทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้เสียน้องสาวไป แม้จะต้องขายวิญญาณให้ปีศาจก็ตาม เรื่องนี้มันก็เลวร้ายไม่ต่างกัน ฉันไม่เคยคาดหวังความรักจากที่ไหนอีกแล้วหลังจากโจเอล ดังนั้นยอมรับเรื่องนี้ไปก็น่าจะดี
ฉันหยิบปากกาขึ้นมาและตั้งท่าจะเซ็นโดยไม่ลังเล
“คุณอ่านกฎแล้วเหรอ? ข้อตกลงนั่นน่ะ? แน่ใจนะว่าจะทำเรื่องนี้จริงๆ?” ฉันหันไปมองก็เห็นว่าเขามีสีหน้าสับสนงุนงงขณะจ้องมาที่ฉัน
เขาคาดหวังให้ฉันวิ่งหนีหางจุกตูดหรือไง?
ฉันเซ็นเอกสารก่อนจะวางปากกาลง
“ค่ะ ฉันอ่านแล้ว และฉันตกลงที่จะเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของคุณ อดัม ฮิวโก”
