กระสับกระส่ายวันแรก
เกรย์
ฉันพร้อมแล้วสำหรับวันแรกของการเป็นนักศึกษาฝึกงาน ฉันหวังว่าจะไม่เจอคุณมาร์คในวันนี้ เพราะเขาทำให้ฉันหายใจติดขัด...ในทางที่ดี ฉันอาศัยอยู่ในบ้านกับพ่อ แต่ท่านไม่ค่อยได้อยู่บ้านเพราะต้องเดินทางไปทำธุรกิจ ที่จริงฉันก็ไม่รู้ว่าคนอื่นจะเรียกมันว่าบ้านได้หรือเปล่า เพราะมันใหญ่กว่าบ้านทั่วไป เรามีน้ำพุอยู่ด้านหน้าและประตูรั้วทางเข้า พ่อของฉันทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เราก็เลยซื้อได้ทุกอย่าง ฉันเดินลงบันไดและมุ่งหน้าไปที่ห้องครัวเพื่อหยิบแอปเปิลเขียวลูกหนึ่งจากชามผลไม้ที่วางอยู่กลางเคาน์เตอร์ ห้องครัวตกแต่งด้วยโทนสีขาวกับเทาและทุกอย่างเป็นแบบบิลต์อิน ฉันเดินออกไปยังรถของฉัน แอสตัน มาร์ติน วี12 แวนเทจ สีดำ แม้ว่าท้องฟ้าจะเป็นสีเทาหม่น แต่อากาศข้างนอกก็ค่อนข้างอุ่น
เมื่อฉันเลี้ยวรถเข้าไปในลานจอดของที่ทำงาน ฉันก็คว้ากระเป๋าแล้วใส่แอปเปิลเข้าไปข้างใน ฉันสงสัยว่าวันนี้จะได้กินอะไรไหมเพราะฉันประหม่าเกินไป แต่อยากจะมีอะไรติดตัวไว้เผื่อเหนียว วันนี้ฉันสวมรองเท้าส้นสูงสีดำกับชุดเดรสสีดำที่แนบเนื้อไปกับทุกส่วนโค้งของร่างกายและสั้นเหนือเข่าพอดี พร้อมด้วยเสื้อแจ็กเก็ตสีดำที่ฉันไม่ได้ติดกระดุมด้านหน้า ฉันสะพายสายกระเป๋าขึ้นบนไหล่ขณะปิดประตูรถ
“รถสวยดีนี่” ฉันสะดุ้ง วางมือทาบบนอก พยายามสงบการหายใจที่ถี่กระชั้นจากความตกใจ มาร์คยืนอยู่ข้างๆ ฉันในชุดสูทของอาร์มานี่ เขาสวมแว่นกันแดด ซึ่งดูไม่ค่อยจะได้ผลเท่าไหร่กับฟ้าครึ้มแบบนี้ แต่ภาพของเขาก็ยังทำให้ฉันแทบหยุดหายใจ
“ขอบคุณค่ะ” ฉันตอบกลับไปได้แค่นั้น เพราะเหมือนฉันหายใจไม่ออกเวลาอยู่ใกล้เขา ขณะที่ฉันเดินไปยังตัวอาคาร ฉันได้ยินเสียงส้นรองเท้าของตัวเองดังกระทบพื้น
“กระตือรือร้นอยากเริ่มงานแล้วเหรอ” เขาถาม
“ค่ะ ใช่แล้วค่ะ” ฉันพยายามเร่งฝีเท้า แต่มันก็เปล่าประโยชน์เพราะเขาก็ยังเดินทันฉันอยู่ดี ฉันรู้สึกได้ว่าสายตาของเขากำลังจับจ้องมาที่ฉัน แต่ฉันก็ยังคงเดินต่อไปโดยไม่มองเขา เราเข้าไปในอาคารขณะที่พนักงานคนอื่นๆ กำลังเดินไปมาเพื่อเตรียมตัวสำหรับวันใหม่ “แผนกออกแบบเว็บไซต์อยู่ไหนคะ” ฉันถาม เพราะนั่นเป็นสิ่งหนึ่งที่ฉันลืมถามไป ในที่สุดฉันก็มองหน้าเขาตอนที่เราเดินช้าลง เขามองฉันด้วยรอยยิ้มขบขันแล้วถอดแว่นกันแดดออก ให้ตายสิ ดวงตาสีเขียวคู่นั้น ฉันหลงทางในป่าลึกภายในดวงตาคู่นั้นได้เลย และอีกครั้งที่ฉันแทบหยุดหายใจ
“อยู่ชั้นเดียวกับผมน่ะ” เขาพูดพร้อมรอยยิ้ม บ้าจริง ฉันคงต้องเจอเขาทุกวันแน่ๆ เขาเดินนำหน้าฉันไปอีกหน่อยแล้วกดปุ่มเรียกลิฟต์ เรายืนรอลิฟต์ด้วยกัน สายตาของฉันจับจ้องอยู่ที่ประตูลิฟต์ “ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเธอโตขึ้นขนาดนี้” เขาพูด
“ฉันจะเด็กไปตลอดกาลไม่ได้หรอกค่ะ” ฉันพูดขณะที่ประตูลิฟต์เปิดออก ฉันเดินเข้าไปข้างในแล้วเขาก็ตามเข้ามา เมื่อเราทั้งคู่อยู่ในลิฟต์ เขาก็กดปุ่มชั้นที่ยี่สิบแล้วลิฟต์ก็เคลื่อนตัวขึ้น
“ผมเห็นด้วย แต่เธอก็ไม่เหมือนที่ผมคาดไว้” เขาพูดโดยยังคงมองตรงไปข้างหน้า
“แล้วคุณคาดว่าฉันจะเป็นแบบไหนเหรอคะ” ฉันถามเบาๆ
“น่าจะเรียกว่าสิ่งที่ผมไม่ได้คาดไว้มากกว่า เธอแค่โตขึ้นมาก” เขาพูดพลางมองฉันด้วยสายตาที่เข้มข้นจนฉันต้องสูดหายใจเข้าปอด “ผมหวังว่าเธอจะยังไม่เคยมีแฟนที่ทำให้เธออกหักนะ แล้วก็หวังว่าตอนนี้เธอก็ยังไม่มีด้วย” เขาพูด ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาพูดแบบนั้นออกมา ฉันอ้าปากจะพูดอะไรบางอย่างกลับไป แต่ลิฟต์ก็เลือกจังหวะนั้นเปิดประตูออกพอดี ทำให้ฉันต้องหยุดชะงัก เขาเดินออกไปและฉันก็เดินตามไปติดๆ รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยกับสิ่งที่เขาเพิ่งพูดกับฉัน
“อรุณสวัสดิ์ครับ แจ็กกี้” เขาทักทายพนักงานต้อนรับก่อนจะเดินผ่านประตูเข้าไป เธอคือพนักงานต้อนรับคนเดียวกับที่คุยอย่างออกรสกับพ่อของฉันเมื่อวานนี้ เธอมีผิวขาวและดูเหมือนจะอายุราวๆ พ่อของฉัน พ่อของฉันคบๆ เลิกๆ อยู่เรื่อย แต่ความสัมพันธ์ของเขาก็ไม่เคยยั่งยืน แจ็กกี้เป็นคนสวย มีผมสีน้ำตาลยาวและดวงตาสีฟ้า เธอมองขึ้นมาที่ฉันขณะที่ฉันเดินเข้าไปหา
“อรุณสวัสดิ์จ้ะ เกรย์-ลินน์ ถ้าเธอกำลังสงสัยว่าแผนกออกแบบเว็บไซต์อยู่ไหนล่ะก็ มันจะอยู่ตรงหัวมุมถัดจากห้องครัวไปน่ะจ้ะ ป้ายใหญ่ๆ ไม่พลาดแน่” เธอบอกพร้อมรอยยิ้ม
“ขอบคุณค่ะ” ฉันพูดพร้อมยิ้มตอบ
“ขอให้เป็นวันแรกที่ดีนะจ๊ะ” เธอบอก และฉันก็พยักหน้าก่อนจะเดินผ่านประตูเข้าไป ฉันเดินผ่านห้องทำงานต่างๆ และขณะที่เดินผ่านห้องทำงานของมาร์ค ฉันรู้สึกได้ถึงความร้อนจากสายตาของเขาที่แผดเผามาที่ฉัน แต่ฉันก็ไม่ได้มองเข้าไปในห้องทำงานของเขา ฉันยังคงเดินมุ่งหน้าไปยังแผนกออกแบบเว็บไซต์ต่อไป เมื่อเลี้ยวตรงหัวมุมผ่านห้องครัวไป ฉันก็เห็นที่ทำงานใหม่ของตัวเอง มีนักศึกษาฝึกงานบางคนนั่งอยู่ที่คิวบิเคิลแล้ว
“สวัสดีจ้ะ หนูคงจะเป็นเกรย์-ลินน์ สปาร์กสินะ” ผู้หญิงร่างเล็กคนหนึ่งซึ่งในมือถือแฟ้มอยู่ถามฉัน
“ใช่ค่ะ ถูกต้องแล้วค่ะ” ฉันตอบ
“ฉันพอลลิน่านะ ฉันเป็นคนดูแลนักศึกษาฝึกงานในแผนกออกแบบเว็บไซต์จ้ะ หนูนั่งที่คิวบิเคิลข้างๆ แซมได้เลย” เธอบอกและฉันก็พยักหน้า ฉันมองไปทางแซมซึ่งยกมือขึ้นในอากาศเพื่อให้ฉันเห็นเขา ฉันเดินไปหาเขา นั่งลงบนเก้าอี้ที่คิวบิเคิลของตัวเอง เอากระเป๋าเก็บไว้ในลิ้นชักโต๊ะ แล้วเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์
“ผมแซมนะ อย่างที่คุณรู้” ฉันมองแซมขณะที่เขายื่นมือมาให้จับ ฉันสังเกตเห็นว่าเขาหล่อเหลาเอาการด้วยดวงตาสีฟ้าราวกับมหาสมุทรและผมสีเข้มที่ปรกหน้าผาก ขณะที่จับมือเขา
“เกรย์-ลินน์ค่ะ แต่จะเรียกฉันว่าเกรย์หรือลินน์ก็ได้ แล้วแต่จะสะดวกเลย” ฉันยิ้มพร้อมกับยักไหล่แล้วหันกลับไปที่คอมพิวเตอร์ของฉัน
“ชื่อสวยจังเลยนะครับ สำหรับคนสวยๆ” เขาพูด ฉันจึงหันไปมองเขา เขากำลังเอนหลังพิงเก้าอี้มองฉันด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า ฉันหัวเราะเบาๆ
“ขอบคุณค่ะ” ฉันพูดขณะเหน็บปอยผมไว้หลังหู ความร้อนผ่าวก็แล่นขึ้นมาที่แก้มจนหน้าแดง
ทันทีที่ฉันเงยหน้าขึ้น ก็สบเข้ากับดวงตาสีเขียวขุ่นขวางที่ดูจริงจัง มาร์คมองแซมพลางขบกรามแน่น จากนั้นเขาก็เดินไปหาพอลลิน่าซึ่งหน้าแดงก่ำเพียงแค่มาร์คเข้าไปอยู่ใกล้ๆ ฉันอดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าเขาอาจจะไม่ชอบใจที่ฉันคุยกับแซม แล้วคำพูดที่เขาพูดกับฉันในลิฟต์ก็ย้อนกลับเข้ามาในหัว เขาอาจจะไม่ชอบที่ฉันมีแฟน แต่เขาก็บอกไม่ได้หรอกว่าฉันจะคบหรือไม่คบกับใคร จนกระทั่งเมื่อวานนี้ ฉันไม่ได้เจอเขามาหลายปีแล้ว
