ความรู้สึกผิดหวัง

เกรย์

ฉันกัดริมฝีปากล่างของตัวเองขณะที่รอฟังข้อมูลเกี่ยวกับงานของเรา พอลิน่าหัวเราะคิกคักขณะที่มาร์กคุยกับเธอ ฉันกรอกตา เพราะใครล่ะจะไมหวั่นไหวไปกับเขา ฉันถอนหายใจพลางเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ พวกเขาปล่อยให้คนอื่น ๆ ต้องมารออยู่อย่างนี้ ถ้ารู้แต่แรกว่าจะเป็นแบบนี้ ฉันคงปฏิเสธการฝึกงานที่สเติร์นพอยต์ไปแล้ว

“ยินดีต้อนรับสู่สเติร์นพอยต์” ฉันเงยหน้าขึ้นไปมองมาร์กที่กำลังพูดกับพวกเรา เรามีนักศึกษาฝึกงานอยู่พอสมควร “สเติร์นพอยต์คือบริษัทหลักที่ผมได้รับสืบทอดมาหลังจากคุณพ่อเสียชีวิต เมื่อก่อนสเติร์นพอยต์จะเน้นแค่เรื่องอสังหาริมทรัพย์ แต่พอผมได้รับสืบทอดบริษัทนี้มา ผมก็ตัดสินใจขยายกิจการให้กว้างขึ้น มีบริการที่หลากหลายกว่าเดิม ตั้งแต่อสังหาริมทรัพย์ไปจนถึงการท่องเที่ยว มีทุกอย่างครบครัน ผมขยายธุรกิจไปทั่วโลก และผมภูมิใจที่จะบอกว่าบริษัทนี้ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ พวกคุณได้รับอนุญาตให้มาฝึกงานที่นี่ และใครจะไปรู้ บางทีอาจจะได้บรรจุเป็นพนักงานประจำที่นี่ก็ได้” เขาพูดขณะที่สายตาของเขาจับจ้องมาที่ฉัน ฉันสบตาเขานิ่ง แต่ตอนนี้ฉันยังหงุดหงิดเขาอยู่ ไม่นับเรื่องความหล่อเหลาของเขาล่ะก็นะ

“มีคำถามไหมครับ” เขาถามพลางละสายตาไปจากฉัน ฉันยกมือขึ้น เขามองมาที่ฉัน “ครับ คุณเกรย์-ลินน์” ฉันจึงเอามือลง

“เราจะเริ่มทำงานกันได้เมื่อไหร่คะ” ฉันถามพร้อมกับยิ้มมุมปาก ดวงตาของเขาราวกับจะแผดเผาฉัน

“คุณจะเริ่มทำงานได้เลยทันทีที่ผมออกไป” เขาพูดแล้วหันไปมองนักศึกษาฝึกงานคนอื่น ๆ “มีคำถามอื่นอีกไหมครับ” เขากวาดสายตามองไปทั่วห้อง “โอเค ไม่มีคำถาม งั้นนั่นเป็นสัญญาณว่าผมต้องไปแล้ว และปล่อยให้พวกคุณทุกคนเริ่มงานกันได้ ขอให้โชคดีนะครับ” เขาพูดแล้วเดินตรงไปหาพอลิน่า ฉันกรอกตา

“แล้วคุณเรียนจบจากที่ไหนเหรอ” แซมถามฉัน ฉันจึงหันไปมองเขา

“จากซีแอตเทิลเซ็นทรัลคอลเลจค่ะ แล้วคุณล่ะ”

“โรงเรียนการออกแบบจอร์จ บราวน์ ในโทรอนโตครับ” เขาบอก

“แสดงว่าคุณเพิ่งมาอยู่ที่ซีแอตเทิลเหรอคะ” ฉันถามด้วยความตื่นเต้นเล็กน้อย

เขายิ้ม “ใช่ครับ ผมเพิ่งมาถึงเมื่อเดือนที่แล้ว คุณแม่ของผมทำงานอยู่อีกแผนกหนึ่งในสเติร์นพอยต์ แล้วท่านก็หาตำแหน่งฝึกงานนี้ให้ผม ซึ่งมีแค่ที่นี่ที่เดียว” เขาบอก

“อ๋อ อย่างนี้นี่เอง” ฉันพูดพลางมองกลับไปที่มาร์กกับพอลิน่าที่ยังคงคุยกันอยู่

“บางทีเราน่าจะไปเที่ยวกันบ้างนะ” เขาพูด ฉันจึงหันไปมองเขา

“ฉันยินดีเลยค่ะ” ฉันพูดพร้อมกับยิ้มให้เขา

“เกรย์-ลินน์ ขอพบที่ห้องทำงานผมหน่อยได้ไหม” ฉันเงยหน้าขึ้นไปเห็นมาร์กกำลังจ้องเขม็งมาที่ฉัน

“ได้ค่ะ” ฉันพูดพลางลุกขึ้นจากโต๊ะแล้วเดินตามเขาไปที่ห้องทำงาน ฉันอดไม่ได้ที่จะชื่นชมแผ่นหลังของเขา

เมื่อเรามาถึงห้องทำงานของเขา ฉันก็ปิดประตูตามหลัง มาร์กนั่งลงหลังโต๊ะทำงาน ส่วนฉันก็นั่งลงเช่นกัน

“ผมอยากเสนอตำแหน่งอื่นให้คุณ” เขาพูดพลางมองฉันด้วยแววตาที่จริงจัง

“โอเคค่ะ ตำแหน่งอะไรเหรอคะ” ฉันถาม

“ผมต้องการผู้ช่วย ผมรู้ว่าคุณจะสามารถรับมือได้ทุกอย่าง ดังนั้นคนแรกที่ผมนึกถึงก็คือคุณ” เขาบอก

“เอ่อ แล้วเรื่องฝึกงานออกแบบเว็บไซต์ล่ะคะ” ฉันถาม

“คุณยังสามารถสร้างงานออกแบบให้บริษัทผมได้ในขณะที่เป็นผู้ช่วยของผม” เขาบอก

“อืม ฉันคิดว่าฉันทำได้ค่ะ” ฉันยักไหล่ เขาวางเอกสารลงตรงหน้าฉันเบา ๆ

ฉันหยิบมันขึ้นมาอ่านคร่าว ๆ มันคือแบบฟอร์มสำหรับตำแหน่งผู้ช่วยและนโยบายห้ามมีความสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาวในที่ทำงาน ฉันเงยหน้ามองเขา เขาก็มองฉันอยู่ก่อนแล้ว สายตาของเขากำลังพินิจพิเคราะห์ฉันอยู่

“ฉันต้องใช้ปากกาเพื่อกรอกเอกสารนี่ค่ะ” ฉันบอก เขายื่นมือข้ามมาส่งปากกาที่เขาเอามากดเล่นเมื่อวานตอนสัมภาษณ์ให้ฉัน ฉันกรอกแบบฟอร์มอย่างรวดเร็วและเซ็นชื่อในส่วนที่ต้องเซ็น แล้ววางปากกากับแบบฟอร์มลง

“มีคำถามอะไรไหม” เขาถามขณะหยิบเอกสารไปจากโต๊ะ

“มีค่ะ ทำไมคุณถึงได้กังวลเรื่องที่ฉันจะมีแฟนนักล่ะคะ” เขาชะงักไปทั้งที่ยังถือเอกสารอยู่ในมือ แล้วมองมาที่ฉัน

“ผมรู้จักหนูมาตั้งแต่หนูยังเด็กนะ เกรย์ ผมเฝ้าดูพ่อของหนูเลี้ยงหนูมาคนเดียวหลังจากแม่ของหนูเสียไป ผมเคยอยู่ที่นั่น คอยช่วยดูแลหนู กล่อมหนูเข้านอน อ่านนิทานก่อนนอนให้ฟัง ช่วยทำการบ้าน และไปดูคอนเสิร์ตที่โรงเรียนของหนู ผมต้องคอยอยู่ดูแลหนูในตอนที่พ่อของหนูเดินทางไปทำธุรกิจในเวลาที่ไม่มีใครอื่นอยู่ได้ ดังนั้นที่ผมพูดว่า ‘หวังว่าคุณจะไม่มีแฟน’ น่ะ ผมหมายความว่าผมหวังว่าหัวใจของหนูจะไม่แตกสลายเป็นเสี่ยง ๆ หลังจากที่ผมจากไป ผมหวังว่าหนูจะได้รับการดูแลอย่างดีเหมือนที่ผมเคยดูแลหนู โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนที่ผมไม่ได้อยู่ตรงนั้นเพื่อไปอัดไอ้หนุ่มหน้าไหนที่มันกล้ามาหักอกหนู” เขามองฉันอย่างจริงจังมากขึ้น

ฉันไม่ได้คาดคิดเลยว่าจะได้ยินแบบนั้น ฉันนึกว่าเขาหึงหวงหรืออะไรทำนองนั้นเสียอีก “ขอบคุณที่อธิบายนะคะ” ฉันพูดด้วยความรู้สึกอับอาย

“แค่ให้รู้ไว้ว่าผมจะคอยดูแลหนูที่นี่เหมือนกัน เหมือนเมื่อก่อน คุณสามารถเริ่มงานอย่างเป็นทางการได้ในวันพรุ่งนี้ แต่วันนี้แจ็กกี้จะมาอธิบายหน้าที่ในตำแหน่งผู้ช่วยให้คุณฟัง” เขาพูด พลางกลับไปมองเอกสารในมือ

“ทำไมคุณถึงจากไปแล้วไม่เคยกลับมาอีกเลยคะ” ฉันถามพร้อมกับผ่อนลมหายใจออกมา

เขาวางเอกสารลงตรงหน้าแล้วหันกลับมาสนใจฉัน “ปีนั้นพ่อของผมเสียชีวิต ท่านทิ้งบริษัทนี้ไว้ให้ผม ผมเลยยุ่งกับมันมากจนไม่มีเวลาไปเยี่ยมใครเลย อย่างที่ผมบอกไปก่อนหน้านี้ว่าผมขยายบริษัทนี้ไปอย่างมหาศาล หนูก็คงเดาได้ว่าผมยุ่งแค่ไหน” เขาพูดด้วยสีหน้าละอายใจขณะก้มหน้ามองโต๊ะ

“ฉันเข้าใจค่ะ” ฉันบอก เขามองขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้มอ่อนโยน ฉันคิดถึงรอยยิ้มแบบนั้นของเขาจัง

“พ่อของหนูมาเยี่ยมผมตลอดเวลาที่เขามาที่นี่เพื่อประชุมธุรกิจ” เขาบอก อ้อ ฉันไม่ยักรู้ว่าพ่อยังคงไปมาหาสู่กับเขาอยู่

“อย่างนี้นี่เอง” เป็นคำเดียวที่ฉันพูดออกมาได้

“ผมมีประชุมเร็ว ๆ นี้ แต่แจ็กกี้พร้อมจะเริ่มงานทันทีที่คุณพร้อม” เขาพูด ฉันพยักหน้าแล้วลุกขึ้นจากที่นั่ง

“ขอบคุณค่ะ” ฉันพูดแล้วเดินออกจากห้องทำงานไป

ฉันเดินไปที่แผนกออกแบบเว็บไซต์และอธิบายเรื่องราวให้พอลิน่าฟัง ฉันยังอธิบายให้แซมฟังด้วยว่าฉันได้งานตำแหน่งผู้ช่วยขณะที่เก็บของออกจากโต๊ะที่ฉันนั่งเมื่อครู่ ตอนนี้ฉันจะได้ทำงานใกล้ชิดกับมาร์กมากขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ฉันพยายามหลีกเลี่ยงมาตลอด เพราะการอยู่ใกล้เขาทำให้ฉันหายใจลำบาก ฉันนี่มันโง่จริง ๆ ที่เผลอคิดไปชั่ววูบว่าเขามีความรู้สึกเดียวกันกับฉัน เขาเป็นแค่เพื่อนสนิทของพ่อที่คอยดูแลลูกสาวของเพื่อนก็เท่านั้น ฉันรู้สึกผิดหวัง

บทก่อนหน้า
บทถัดไป