ค็อกกี้ เนอร์ดส์

“โอ๊ย ซิน ฉันขอโทษจริงๆ นะ” เธอขอโทษ เธอได้ยินอีกฝ่ายรับคำขณะที่ไอรีนก้าวออกมาแล้วปิดประตู

เธอนั่งลงที่โต๊ะ ทั้งสองกินมื้อกลางวันเพื่อรอ แต่ซินก็ใช้เวลาไม่นาน ดวงตาของหล่อนยังคงแดงก่ำ และหล่อนก็หลบสายตาของไอรีน

“เธอเข้าไปได้แล้วล่ะ” หล่อนพูดโดยก้มหน้าต่ำ

“เธอโอเคไหม” ไอรีนอดถามไม่ได้ เธอเป็นเด็กใหม่และซินก็ไม่รู้จักเธอ แต่การแสร้งทำเป็นว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีทั้งที่เห็นได้ชัดว่าซินเสียใจจนน้ำตาร่วงนั้นเป็นเรื่องเสียมารยาท

“ฉันไม่เป็นไร” หล่อนพูดขณะที่น้ำตาเริ่มคลอหน่วยอีกครั้ง “ฉันก็แค่เป็นคนอ่อนไหวง่าย... คนชอบพูดว่าฉันต้องหัดรับคำวิจารณ์ให้ได้บ้าง” หล่อนหัวเราะขื่นๆ

“มีใครวิจารณ์เธอเหรอ”

ซินมองเธออย่างมีความนัย “ไม่มีอะไรหรอก”

“แต่มันต้องมีอะไรสักอย่างสิ เพราะเธอดูเสียใจกับเรื่องนี้มาก”

ไอรีนเป็นคนตื๊อเก่ง ซึ่งนั่นเป็นข้อเสียของเธอ

เธอรอให้ซินต่อว่า แต่กลับกัน หล่อนถอนหายใจแล้วใช้กระดาษทิชชูซับที่หางตา “หมอวอร์เรนเป็นคนเฮงซวย”

คำสบถนั้นฟังดูแปลกเมื่อออกมาจากปากของหล่อน ซินเป็นคนเงียบๆ และไม่เคยพูดว่าร้ายใคร ดังนั้นจึงยากที่จะจินตนาการว่าหล่อนต้องเสียใจมากแค่ไหนถึงกับสบถออกมา

“เขาทำอะไร” เธอถามอย่างคาดคั้น

เธอมาอยู่ที่นี่ได้สองสามวันและเห็นคนร้องไห้เพราะไอ้คนงี่เง่านี่มาแล้ว เธอไม่เคยเข้าใจเลยว่าทำไมคนเราถึงทำกับคนอื่นแบบนี้ได้ ราวกับว่ามีแค่ตัวเองเท่านั้นที่สำคัญ

ซินสูดน้ำมูกแล้วเปลี่ยนไปยืนทิ้งน้ำหนักบนขาอีกข้าง หล่อนดูเหมือนอยากจะนั่งลง แต่ก็มีความเป็นไปได้มากกว่าว่าหล่อนอยากจะวิ่งหนีไปเพื่อเลี่ยงการเผชิญหน้า แต่ถึงอย่างนั้นหล่อนก็ยังคงยืนอยู่

“คือ... คนไข้ถามเขาเรื่องผลข้างเคียงของยาตัวใหม่ที่เขาเพิ่งให้เริ่มใช้ พอเขาพูดจบ ฉันก็เลยถามคำถามเพิ่มเติมอีกหน่อย เขาไม่ชอบใจ... ฉันสาบานเลยนะไอรีนว่าคนไข้ถามฉันเรื่องนี้ก่อนหน้านี้แล้ว นั่นแหละฉันถึงได้ยกเรื่องนี้ขึ้นมาคุยกับเขา” หล่อนมองไอรีนอย่างสิ้นหวัง หวังว่าจะมีใครสักคนเชื่อหล่อน

“เขาแค่หันกลับมาแล้วก็พูดต่อหน้าคนไข้กับครอบครัวของคนไข้เลยว่านี่ไม่ใช่เวลาที่เธอจะมาเรียนรู้ คนไข้ต้องการเวลา และฉันควรกลับไปโรงเรียนพยาบาลถ้าอยากได้คำตอบ”

การเน้นย้ำคำว่า ‘พยาบาล’ ทำให้มันฟังดูเหมือนเป็นเรื่องแย่ๆ ซึ่งทำให้ไอรีนเชื่อว่านั่นคือความดูถูกดูแคลนที่หมอวอร์เรนมีอย่างไม่ต้องสงสัย

ใบหน้าของซินแดงก่ำเมื่อนึกถึงเหตุการณ์นั้นอีกครั้ง

“ล้อกันเล่นน่า!” เธอร้องออกมา

ซินดูตกใจกับการอุทานของเธอ “ไม่” หล่อนกระซิบ “ฉันอายมากเลย ครอบครัวคนไข้ยังออกมาขอโทษแทนหลังจากเรื่องจบ พวกเขาบอกว่าเขาทำกับฉันแรงเกินไป... มัน... พระเจ้า... น่าอัปยศอดสูมาก” หล่อนสั่งน้ำมูกใส่กระดาษทิชชู

โชคดีที่หล่อนสงบลงแล้ว

“แหม หมอเฮงซวยมันก็มีอยู่ทุกที่นั่นแหละ ซิน” ไอรีนพูด หวังจะปลอบใจหล่อน “ฉันเคยโดนหมอตะคอกใส่ต่อหน้าคนไข้เลยนะ”

ซินตกใจ “ทำไมล่ะ”

“เพราะฉันลืมขนาดถุงมือของเขาแล้วไปหยิบคู่ที่ใหญ่กว่ามาให้ เขาเป็นเรสซิเดนท์ที่เพิ่งย้ายมาได้สองอาทิตย์”

“จริงเหรอ”

ไอรีนยักไหล่ “อื้ม ฉันก็แค่บอกเขาดีๆ ว่าอย่ามาตะคอกใส่ฉัน แล้วก็เดินออกมา ฉันไม่ทำงานกับเขาอีกเลย แล้วก็ขอให้หัวหน้าพยาบาลเวรไปช่วยเขาแทน และไม่ให้ตารางเวรของเราตรงกันอีก”

“โชคดีนะที่หมอวอร์เรนไม่ได้ตะคอกใส่ฉัน” หล่อนพูดอย่างขมขื่น “เขาแค่พูดกับฉันเหมือนฉันเป็นคนที่โง่ที่สุดในโลก”

ไอรีนยิ้มอย่างเห็นใจ “อย่าไปใส่ใจเลยไซน์ พวกคนเฮงซวยน่ะ มันเป็นปัญหาของพวกเขา... ไม่ใช่ของเธอ”

เธอยังไม่คล้อยตามนัก

“งั้นก็รอดูเวรกรรมแล้วกัน” ไอรีนพูดลอยๆ

ในที่สุดเธอก็ยิ้มออกมา แม้จะเป็นการฝืนยิ้มก็ตาม “ขอบใจนะไอรีน ฉันหวังว่าเธอจะพูดถูกนะ” เธอเหลือบดูนาฬิกาข้อมือแล้วชำเลืองมองไปที่ประตู “ฉันต้องกลับไปทำงานแล้ว ขอบคุณนะที่คุยเป็นเพื่อน”

“ไม่เป็นไร” ไอรีนพูดเสียงใสขณะที่ไซน์ส่งยิ้มแห้งๆ ให้ก่อนจะเดินออกจากห้องพักไป

.

วันนั้นคุณหมอวอร์เรนดูแลคนไข้คนหนึ่งของไอรีน เธอพยายามจะไม่คิดถึงเขาหรือนัยน์ตาสีเขียวงี่เง่านั่น หรือภาพที่ดวงตาของไซน์แดงก่ำเมื่อนึกถึงวิธีที่เขาพูดกับเธอ ยิ่งเวลาผ่านไปก็ยิ่งทำใจให้ไม่คิดได้ยากขึ้นทุกที

มีอยู่ช่วงหนึ่งที่เธอต้องคีย์คำสั่งลงในระบบ และคนเดียวที่อยู่แถวนั้นก็คือกีกี้ เธอทำตัวเป็นภารกิจว่าจะต้องสอนไอรีนให้ได้ เมื่อพบว่าตัวเองติดแหง็กอยู่หน้าคอมพิวเตอร์นานสามสิบนาทีขณะที่กีกี้บ่นเรื่องระบบและสอนแบบลวกๆ ไอรีนก็ได้แต่จำยอมต่อชะตากรรม

เธอไม่เห็นคุณหมอวอร์เรนเดินเข้ามา จนกระทั่งกีกี้ทักทายเขาอย่างกระตือรือร้นสุดๆ “สวัสดีค่ะ คุณหมอวอร์เรน วันนี้เป็นยังไงบ้างคะ”

หล่อนทำท่าเคลิบเคลิ้มเพียงแค่ได้เห็นหน้าเขา คุณหมอกำลังหาชาร์ตคนไข้อยู่ แต่ก็หยุดเพื่อมองเธอ แล้วเขาก็หันมาเหลือบมองทางไอรีน

“ผมสบายดี กีกี้” เขาพูดพลางเบือนหน้าหนี เธอเบิกตาแล้วก็ทำเช่นเดียวกัน

“คุณหมอหาชาร์ตอะไรอยู่เหรอคะ” หล่อนโน้มตัวเข้าไปอย่างกระตือรือร้น บทเรียนคอมพิวเตอร์ถูกทิ้งไว้เบื้องหลังเมื่อหล่อนลุกพรวดขึ้นไปช่วยคุณหมอวอร์เรน ไอรีนพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่กลอกตา

ราวกับโชคชะตาเล่นตลก ชาร์ตที่ว่าคือของคนไข้ของไอรีนเอง มันวางอยู่ตรงหน้า ใต้แขนของเธอราวกับว่าเธอกำลังกันมันไว้จากคุณหมอวอร์เรน เธอไม่รู้ตัวเลยจนกระทั่งกีกี้มาแงะมันออกไป

“ดูเหมือนไอรีนจะซ่อนมันจากคุณหมอนะคะ” หล่อนร้องบอก

ไอรีนคิดอยากจะฆ่ากีกี้ทิ้งเสีย ใคร่ครวญว่าจะกำจัดศพที่ไหนและอย่างไร แต่ไม่มีเวลาแล้ว และพวกเธอก็อยู่ในบ้านเมืองที่มีขื่อมีแป

“นี่คนไข้ของคุณเหรอ ไอรีน”

ไอรีนตกใจที่ได้ยินชื่อตัวเองทั้งที่กีกี้เพิ่งเอ่ยถึงมันไปเมื่อวินาทีก่อน

“ค่ะ ท่าน” เธอตอบ ทันใดนั้นเธอก็อยากจะฆ่าตัวตายที่ทำตัวเป็นทางการขนาดนั้น เธอสูญสิ้นศักดิ์ศรีไปหมดแล้ว

“ผมกำลังจะไปดูอาการเธอ”

ไอรีนอยากจะพูดอะไรมากมาย แต่ก็ไม่ได้พูด เธอได้แต่ลากสังขารตัวเองเดินตามเขาไปตามโถงทางเดิน สมาธิส่วนใหญ่ของเธอจดจ่ออยู่กับการห้ามตัวเองไม่ให้จ้องมองเขา เพราะเขาอยู่ในชุดสครับเพียงอย่างเดียว โดยไม่มีเสื้อกาวน์ และให้ตายสิ เขาก็ดูร้อนแรงสุดๆ

‘คนนี้น่าจัด’ ความคิดนอกลู่นอกทางนั้นทำให้เธอตกใจ

‘ฉันไม่เอาหมอ พวกเนิร์ดขี้เก๊กเป็นแฟนที่ห่วยแตก! พวกเนิร์ดขี้เก๊กเป็นแฟนที่ห่วยแตก!’

เป็นไปได้ยากมากที่คุณหมอวอร์เรนจะเป็นพวกเนิร์ดด้วยร่างกายที่ดูกระชับและผมที่จัดทรงมาอย่างสมบูรณ์แบบ เธอนึกภาพเขาขลุกตัวอยู่ในห้อง ช่วยตัวเองกับหนังโป๊ธีมสตาร์วอร์สไม่ออกเลย ความคิดนั้นทำให้หัวของเธอหันไปหาเรื่องลามกกว่านั้น

พวกเขาเข้าไปในห้องคนไข้ ที่ซึ่งเขายิ้มและโปรยเสน่ห์ใส่หญิงชราผู้น่าสงสาร เขามีมนุษยสัมพันธ์กับคนไข้ดีเยี่ยม นั่นเป็นเรื่องแน่นอน อันที่จริง เขาดูไม่ได้เลวร้ายไปซะทั้งหมด ไม่เหมือนตอนที่คุยโทรศัพท์ครั้งนั้น หรือคนที่ทำพยาบาลร้องไห้มานักต่อนัก

บทก่อนหน้า
บทถัดไป