ไม่ใช่ทาสของคุณ
เธอคิดไปว่าทั้งหมดนั่นเป็นแค่การแสดง
เขาคุยกับคนไข้อยู่หลายนาทีก่อนที่บางอย่างจะเกิดขึ้น ประกายแห่งโอกาสส่องลอดเข้ามา ทำให้เธอลิงโลดใจ เขามอบโอกาสให้เธอได้ท้วงติงเขา พยาบาลส่วนใหญ่คงเมินมันไป แต่ไอรีนกระตือรือร้นที่จะร่วมวงสนทนาด้วยเพราะเธอหวังดีกับคนไข้ที่สุด
แน่นอนอยู่แล้ว
มารในใจของเธอหัวเราะเยาะไม่หยุดหย่อน
“ผมจะเปลี่ยนยาแก้ปวดให้นะครับ” เขาบอก “คุณทานได้หนึ่งถึงสองเม็ดทุกหกชั่วโมงถ้าปวด แค่บอกพยาบาลของคุณได้เลย ตอนนี้ต้องการยาแก้ปวดเลยไหมครับ”
คนไข้พยักหน้า ไอรีนกระแอมในลำคอ แต่ด็อกเตอร์วอร์เรนทำเป็นเมินเธอ
“คุณ…”
“ไอรีนค่ะ” เธอบอกด้วยน้ำเสียงหวานหยดย้อย ‘สุดท้ายก็ลืมชื่อฉันจนได้ ไอ้เวรเอ๊ย’
เขาส่งสายตาปรามๆ มาให้ “ไอรีน ช่วยไปเอายาแก้ปวดมาให้เธอหน่อยได้ไหมครับ” เขาถามอย่างเย็นชา เป็นการปัดเธอให้พ้นทาง ซึ่งแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับน้ำเสียงที่เขาใช้กับคนไข้
ไอรีนไม่ได้จากไป “ด็อกเตอร์วอร์เรนคะ ฉันไม่คิดว่ายาแก้ปวดที่คุณเลือกเป็นความคิดที่ดีนะคะ” เธอกลับแสดงความเห็น รวบรวมความใจแข็งทั้งหมดที่เคยเห็นจากพ่อของเธอมาตลอดหลายปี นี่ไม่เหมือนเธอเลย แต่เธอต้องทำให้ถึงที่สุดเพื่อเห็นแก่ไซน์
เธอแทบจะได้ยินเสียงเขากำลังเกร็งกล้ามเนื้อทุกส่วนในร่างกายเพื่อห้ามตัวเองไม่ให้โต้เถียงกับเธอ เขาจ้องมองเธอ แววตาขุ่นคล้ำเต็มไปด้วยคำเตือน “โชคร้ายหน่อยนะที่ผมเป็นหมอ และผมเป็นคนตัดสินใจ”
‘อ๋อ ฉันมันก็แค่พยาบาลสินะ’
เธออยากจะชกหน้าเขา
น้ำเสียงของเขากดต่ำและเย็นเยียบจนคนอื่นคงจะสะดุ้งถอย แต่นั่นจะเป็นการแสดงความอ่อนแอ และสิ่งหนึ่งที่ไอรีนปฏิเสธที่จะแสดงให้ด็อกเตอร์วอร์เรนผู้แสนน่าหมั่นไส้เห็นก็คือภาพของพยาบาลที่ยอมศิโรราบใต้อำนาจของเขา
“ฉันแค่คำนึงถึงสวัสดิภาพของคนไข้ของฉันค่ะ ด็อกเตอร์วอร์เรน” เธอหันไปหาคนไข้ซึ่งมองทั้งคู่ด้วยดวงตาเบิกกว้างอย่างระแวดระวัง “นี่ไม่ใช่สิ่งที่คุณหวังจากพวกเราหรอกหรือคะ” เธอถามคนไข้โดยตรง
“ว่ามาสิ ‘ไอรีน’ ทำไมคุณถึงคิดว่ายาที่ผมเลือกมันไม่ดี”
การโต้เถียงนั้นมากพอที่จะทำให้เขาหัวเสีย ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอตั้งใจจะทำ เธอสูดหายใจเข้าลึก “คนไข้เข้ารับการรักษาด้วยประวัติอาการปวดเรื้อรัง ซึ่งเป็นอาการปวดต่อเนื่อง เราอาจสันนิษฐานได้ว่าอาการของเธอจะทุเลาลงด้วยยาในระดับหนึ่ง แต่จากประสบการณ์ของฉัน มันไม่น่าจะเป็นไปได้ค่ะ และเมื่อสมมติว่ายาหนึ่งโดสไม่เพียงพอ เธอก็จะขอรับยาในปริมาณสูงสุดคือสองเม็ดทุกสี่ชั่วโมง เมื่อครบยี่สิบสี่ชั่วโมง ปริมาณยารวมทั้งหมดจะมากเกินไปสำหรับผู้หญิงอายุเจ็ดสิบปี คุณไม่คิดอย่างนั้นหรือคะ”
และเธอก็ทำสำเร็จ: หักหน้าเขาต่อหน้าคนไข้ บ่อนทำลายความน่าเชื่อถือของเขา เหมือนกับที่เขาเคยทำกับไซน์
เธอสบตาเขาตรงๆ น้ำเสียงไม่สั่นคลอน ถ้าสายตาฆ่าคนได้ เธอก็คงลงไปนอนในหลุมลึกหกฟุตแล้ว สายตาของด็อกเตอร์วอร์เรนนั้นร้ายแรงถึงตาย
เธออยากจะขยับถอย แต่ก็ยังยืนหยัดอยู่ที่เดิม มันสายเกินไปที่จะถอยแล้ว หากไม่ต้องการให้ตัวเองดูเหมือนคนโง่ ซึ่งเป็นผลลัพธ์ที่เธอยอมให้เกิดขึ้นไม่ได้เด็ดขาด
“ไอรีน” เขาลดเสียงลงต่ำ และเธอต้องสาปแช่งเขาในใจที่เรียกชื่อเธอบ่อยเหลือเกิน “ผมกำหนดขอบเขตไว้ด้วยเหตุผล มันเป็นหน้าที่ของคุณในฐานะพยาบาลที่จะต้องคอยดูปริมาณยาที่เธอได้รับ และดูแลให้แน่ใจว่าเธอไม่ได้รับยาเกินขนาด”
อ้อ เกมนี้เล่นสองคนก็ได้นี่!
“ด็อกเตอร์วอร์เรนคะ ฉันเข้าใจเหตุผลของคุณ แต่พยาบาลเวรต่อไปก็จะให้ยาแก้ปวดเมื่อถึงกำหนดและคนไข้มีอาการปวด ตามที่คุณสั่งเป๊ะๆ และนั่นจะทำให้เธอตกอยู่ในอันตรายจากภาวะตับวาย” เธอจ้องเขาไม่กะพริบตา
สายตาของเขาตวัดไปมองคนไข้ ซึ่งดูเพลิดเพลินกับการโต้เถียงของพวกเขาสองคนอย่างเต็มที่ ถ้าเธอมีป๊อปคอร์นสักถัง เธอก็คงกำลังโยนมันเข้าปากอย่างเมามันแล้ว
แล้วสายตาของเขาก็ตวัดกลับมาที่เธอ ขุ่นคล้ำและโกรธเกรี้ยว “เราจะไปคุยเรื่องนี้กันต่อข้างนอก”
เธอหมุนตัวกลับ ไม่คิดจะรอเขา เธอไม่แน่ใจว่าจะรักษาท่าทีกล้าหาญนี้ไว้ได้นานแค่ไหน นี่ไม่เหมือนเธอเลย เธอสามารถปกป้องตัวเองได้ แต่การเป็นฝ่ายเริ่มหาเรื่องน่ะหรือ? แถมยังกับคนที่น่าเกรงขามอย่างด็อกเตอร์วอร์เรนอีก?
แต่เมื่อเธอนึกถึงภาพของไซน์ที่น้ำตาคลอ เธอก็ตระหนักว่ามันคุ้มค่า
เธอรู้สึกถึงแรงบีบแน่นที่ข้อมือ ดึงให้เธอหมุนกลับไป เธอถูกดันจนแผ่นหลังชิดกำแพง ความโกรธทั้งหมดในตัวเขาถูกส่งผ่านมายังเธอผ่านใบหน้าที่บึ้งตึงนั้น เขาไม่คลายมือที่จับอยู่ แต่เธอกลับผ่อนคลายลงเมื่อรู้ว่าเขาจะไม่ทำอะไรเธอ
“คุณคิดว่าคุณกำลังทำบ้าอะไรอยู่” เขาขู่ฟ่อ ใบหน้าอยู่ห่างจากเธอแค่ไม่กี่นิ้ว เธอทั้งระแวงและหงุดหงิดที่เขาสัมผัสตัวเธอพร้อมกับทำตัวอวดดีแบบนี้ แต่ก็ไม่ได้พูดออกไปว่าเธอรู้สึกวาบหวามขึ้นมา...แค่นิดหน่อย
‘ฉันเป็นบ้าอะไรไปเนี่ย’ เธอคร่ำครวญในใจขณะกระชากแขนออกจากมือเขา
“ฉันกำลังปกป้องคนไข้จากความผิดพลาดทางการแพทย์ที่เป็นอันตรายค่ะ” เธอยั่วโมโหอย่างร้ายกาจ
“เรื่องพวกนั้นมีเวลาและสถานที่ที่เหมาะสมจะคุยกัน และไม่ใช่ที่ข้างเตียงคนไข้ และแน่นอนว่าไม่ใช่ต่อหน้าคนไข้ด้วย” เขากดเสียงให้ต่ำเพื่อไม่ให้ดังเล็ดลอดไปตามโถงทางเดิน แต่มันก็ยังคมกริบราวกับจะตัดเหล็กได้ “คุณตั้งคำถามกับความน่าเชื่อถือของผมต่อหน้าคนไข้ ทำให้พวกเขาเคลือบแคลงในตัวผม นั่นเป็นการกระทำที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง”
เธอยิ้มเหยียด “ใช่ค่ะ และก็มีเวลาที่เหมาะสมที่จะร้องเรียนกับพยาบาลถ้าคุณไม่ชอบสิ่งที่พวกเขากำลังทำอยู่ ‘และแน่นอนว่าไม่ใช่ต่อหน้าคนไข้ด้วย’” เธอสวนกลับอย่างเจ็บแสบ
คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันด้วยความสับสน แต่ความโกรธก็ไม่ได้ลดน้อยลงเลย “คุณกำลังพูดเรื่องอะไร”
“ฉันกำลังพูดถึงเรื่องที่คุณทำใหไซน์อับอายต่อหน้าคนไข้ของเธอเมื่อวันก่อน”
ความกระจ่างฉายชัดขึ้นมา แต่เขาก็ปัดมันทิ้งไปทันที “เรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างผมกับพยาบาลคนอื่นไม่เกี่ยวกับคุณ คุณควรจะกังวลเรื่องของตัวเองมากกว่านะถ้ามีเวลาว่างมากขนาดนั้น ไอรีน”
เธอยกนิ้วขึ้นจิ้มที่หน้าอกของเขา “ฉันพบว่ามันยากที่จะทำแบบนั้นได้ในเมื่อเพื่อนของฉันกำลังร้องไห้อยู่ในห้องน้ำเพราะเรื่องที่คุณทำ” เธอจิ้มหน้าอกเขาหลายครั้ง ก่ออาชญากรรมที่ไม่ควรทำ เธอเพิ่งมานึกขึ้นได้ว่าเธออาจจะเดือดร้อนเพราะเรื่องนี้ได้ หรือเขาอาจจะเดือดร้อนเพราะพฤติกรรมของเขาก็ได้
แล้วเธอก็รู้สึกผิดที่เอาเรื่องของไซน์มาพูด
“เพื่อนของคุณต้องหัดมีกระดูกสันหลังและต่อสู้ด้วยตัวเองบ้าง ไม่ใช่ทุกคนที่จะคอยประคบประหงมเธอไปตลอดหรอกนะ”
ใช่เลย ดร.วอร์เรนไม่ต่างจากภาพลักษณ์หมอหลงตัวเองที่เธอเคยเจอมาตลอดอาชีพการงานของเธอเลย อันที่จริง วันนี้เขาชนะเลิศคว้าตำแหน่งราชาไปครอง! และเธอก็ทนเขามามากพอแล้ว
เธอถอยห่างจากเขา ห่างจากกำแพง และโชคดีที่เขาก้าวถอยหลัง เปิดทางให้เธอขยับได้ ถ้าเขาไม่ทำ เธอคงจะยอมทำตามแรงกระตุ้นและใช้เข่ากระแทกเขาไปแล้ว เธอทนไม่ไหวแล้ว
“มันเรียกว่าสามัญสำนึกพื้นฐานของมนุษย์” เธอขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “อย่าดูถูกเพื่อนร่วมงานของคุณ เราทำงานกันเป็นทีม ไม่ใช่ทาสของคุณ”
เธอเดินกระทืบเท้ากลับไปที่สถานีพยาบาล ทิ้งให้เขายืนหน้าบึ้งอยู่ในโถงทางเดิน ไม่แน่ใจว่าจะทำอย่างไรต่อไป เธอสงสัยว่าเธอควรจะทำตัวอย่างไรดี ทำเป็นว่าเมื่อกี้เธอไม่ได้ระเบิดอารมณ์ใส่เขาเหรอ? อีกเดี๋ยวเขาก็คงจะกลับมาเขียนชาร์ตให้เสร็จ...
เธอไม่มีโอกาสได้ตัดสินใจ ทาเลียเบิกตากว้างเมื่อเห็นเธอ เธอคว้าแขนไอรีนแล้วลากเข้าไปในห้องยา
“เมื่อกี้มันเกิดบ้าอะไรขึ้น” เธอถามเสียงหอบด้วยความตื่นเต้น ไอรีนสับสนกับประกายในดวงตาของเธอ
“อะไรเหรอ” เธอตอบอย่างใสซื่อ ไม่อยากเผยไต๋
ทาเลียเลิกคิ้ว “จริงจัง? เธอจะปฏิเสธโชว์ที่พวกเธอสองคนเพิ่งแสดงไปเมื่อกี้นี้เหรอ”
ไอรีนเหลือบมองไปข้างหลังอย่างกังวล ประตูปิดอยู่และไม่มีใครอื่น “มีคนเห็นเราเหรอ” เธอถามอย่างร้อนรน
“แค่ฉันคนเดียวมั้ง”
เธอถอนหายใจอย่างโล่งอก
“แล้วมันเรื่องอะไรกันล่ะ”
เธอไม่เห็นเหตุผลที่จะต้องโกหก ถ้ามีใครสักคนที่ทำงานที่เธอไว้ใจได้ในตอนนี้ ก็คงจะเป็นทาเลีย “ฉันว่าเขาต่อหน้าคนไข้ของเขา” เธออธิบาย ดวงตาของทาเลียเบิกกว้างอย่างน่าขัน ไอรีนจึงรีบเสริมว่า “ตั้งใจทำนะ เพื่อกวนประสาทเขา”
คำอธิบายยิ่งทำให้สถานการณ์แย่ลง
“โอ้พระเจ้า!” เธอกระซิบอย่างตื่นเต้น “เป็นเพราะเรื่องโทรศัพท์เมื่อวันก่อนรึเปล่า”
ไอรีนเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เธอฟัง โดยเว้นส่วนที่ว่าเขามีกลิ่นตัวหอมแค่ไหนตอนที่พยายามยับยั้งชั่งใจไม่ให้ฆ่าเธอในโถงทางเดิน
ทาเลียหัวเราะเสียงดัง “ฉันแทบรอไม่ไหวที่จะไปบอกแอนดี้” เธอหัวเราะคิกคัก
ไอรีนอ้าปากค้าง ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ “ไม่นะ! เธอจะบอกแอนดี้ไม่ได้” เธอเถียงอย่างเปล่าประโยชน์
“ทำไมล่ะ”
“ฉันไม่อยากให้คนอื่นรู้ ทาเลีย ฉันเพิ่งมาอยู่ที่นี่ได้อาทิตย์เดียวเอง! ได้โปรดอย่าบอกแอนดี้นะ”
เธอทำหน้าผิดหวังแต่ในที่สุดก็พยักหน้า “ฉันจะไม่บอก ความลับของเธอปลอดภัยกับฉัน” เธอรับรอง เธอดูเหมือนกับว่าไอรีนได้ฉกฉวยแหล่งความสุขเพียงหนึ่งเดียวของเธอไป
เธอถอนหายใจและขอบคุณ
พวกเธอค่อยๆ เดินกลับไปที่สถานีพยาบาล ไอรีนคิดจะไปซ่อนตัวในห้องคนไข้แต่ก็ไม่อยากให้ ดร.วอร์เรนได้ใจ ยิ่งไปกว่านั้น ประตูห้องยาก็มองเห็นได้จากที่ที่เขานั่งอยู่ แต่เธอก็หวังว่าเขาจะไปแล้ว
ขณะที่เธอเดินออกจากห้อง เธอก็เห็นว่าเขายังคงอยู่ที่นั่น กำลังคร่ำเคร่งอยู่กับชาร์ตและพลิกกระดาษแรงกว่าที่จำเป็น เขาไม่เห็นเธอจนกระทั่งเธอเดินผ่านเขาไปที่สถานี
ดวงตาสีเขียวของเขาสบกับตาเธอ ร้อนแรงกว่าที่เธอจำได้ เธอแทบจะละลายไปกับความเข้มข้นนั้น เขาแทบจะเชื้อเชิญให้เธอมาสู้กันอีกสักตั้ง
เธอหนีเข้าไปในห้องพักพยายามสงบอาการหอบหายใจของตัวเอง เธอต้องคิดให้ออกว่าเธอกำลังรู้สึกอะไรอยู่ ดร.วอร์เรนมีคุณสมบัติของหมองูอย่างเห็นได้ชัด เพราะเธอคงต้องใช้ทุกอณูของร่างกายเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกเขาทำให้หลงเสน่ห์
