สอง
ผลลัพธ์ที่ได้ทำเอาผมตกตะลึงจนแทบทรุด แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ผมคาดไม่ถึงเสียทีเดียว แผ่นกระดาษอยู่ในมืออันสั่นเทาของผม และผลการตรวจก็ปรากฏอยู่ตรงหน้า
เธอถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายก่อนจะทิ้งตัวลงบนเตียงอย่างหมดแรง พลางใช้มือที่สั่นเทาเสยผมตัวเอง
แม้จะรู้ดีว่านี่ไม่ใช่เวลามานั่งชื่นชมเธอเหมือนเคย แต่ผมก็อดสังเกตไม่ได้ว่าเธอใช้แชมพูกลิ่นใหม่ ปกติเธอจะใช้กลิ่นบลูเบอร์รีที่ผมชอบซุกจมูกลงไปดอมดมทุกครั้งที่เธอมาที่เตียงของผม แต่ครั้งนี้มันเป็นกลิ่นสตรอว์เบอร์รี ชุดที่เธอสวมเป็นเพียงเดรสเรียบๆ แต่กลับขับเน้นทรวงอกอวบอิ่มของเธอให้เด่นชัด เผยให้เห็นร่องอกเนียนนุ่มที่ผมไม่อาจละสายตา
ริมฝีปากของเธออวบอิ่มแดงระเรื่อ ดวงตาคลอไปด้วยน้ำตาจนทำให้สีน้ำตาลเข้มเดิมๆ ของมันดูอ่อนลงเล็กน้อย เมื่อหยาดน้ำตาเริ่มรินไหลลงมา ผมก็ยิ่งกำแผ่นผลตรวจในมือแน่นขึ้น
ผมเกลียดการต้องเห็นเธอร้องไห้
แต่ผมก็รู้มาตลอดว่าแอสเตลลาเป็นคนอ่อนไหวและพร้อมจะร้องไห้ได้ทุกเมื่อ ผมรู้จักเธอมาแทบทั้งชีวิต เพราะแม่ของเธอคือพี่สาวของผม และผมก็เฝ้ามองเธอเติบโตมาไม่ต่างจากลูกสาวแท้ๆ แต่เมื่อเวลาผ่านไป เราก็ใกล้ชิดกันมากขึ้น จากเพื่อนสนิทที่บอกกันได้ทุกเรื่อง...กลายเป็นความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกว่านั้น...ความสัมพันธ์ต้องห้ามที่ถูกเก็บไว้เป็นความลับระหว่างเราสองคน
แม้กระทั่งหลังจากที่เธอแต่งงานไปแล้ว เราก็สัญญากันว่าจะอยู่ให้ห่างจากกัน โดยเฉพาะเมื่อสามีของเธอแต่งตั้งให้ผมเป็นเบต้าคนสนิทของเขา แต่ความปรารถนาและความต้องการที่เรามีต่อกันกลับยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อต้องมาอยู่ใต้ชายคาเดียวกัน
ผมต้านทานเธอไม่ไหว และผมก็รู้ว่าเธอรู้สึกเช่นเดียวกัน ผมจึงฉวยโอกาสนั้นและโน้มน้าวให้เราสานต่อความสัมพันธ์ลับๆ ของเราต่อไป
และตอนนี้ผมกำลังถือผลตรวจการตั้งครรภ์ของเธอ...ครรภ์ที่มีอายุหกเดือนแล้ว...ในขณะที่เธอกำลังร้องไห้อย่างหมดหนทางอยู่ข้างๆ ผม
ปกติแล้วผมคงจะไปเด็ดหัวใครก็ตามที่ทำให้เธอร้องไห้หรือจับมันไปขังในคุกใต้ดินแล้ว แต่ครั้งนี้...เป็นครั้งแรก...ที่ผมคือสาเหตุของน้ำตาเธอนั่นเอง
“เขา...ว่ายังไงบ้าง” ผมเอ่ยถามเสียงเบา ไม่กล้าแม้แต่จะสบตาเธอ
“ข่าวเหรอ” เธอหัวเราะอย่างขมขื่นก่อนจะลุกขึ้นยืน “คุณบ้าไปแล้วเหรอ ไรอัน คุณคิดว่าเราสองคนจะยังมีชีวิตอยู่รอดไหมถ้าเขารู้ว่าเด็กที่เขารอคอยมาตลอดห้าปีไม่ใช่ลูกของเขา แต่เป็นลูกของเบต้าของเขา? ลูกของน้าตัวเองเนี่ยนะ?? ต่อให้ตายก็ยังไม่สาสมกับสิ่งที่เราทำลงไป!”
“แอสเตลลา...” ผมลุกขึ้นไปล็อกประตูห้องอย่างรวดเร็วก่อนจะเดินเข้าไปหาเธอ วางมือทั้งสองข้างลงบนไหล่ของเธอแล้วเขย่าเบาๆ “ใจเย็นๆ ก่อนนะ เดี๋ยวคนอื่นก็ได้ยินหรอก”
เธอส่ายหน้าช้าๆ ทั้งที่น้ำตายังคงไหลอาบแก้ม ร่างของเธอสั่นเทาอยู่ในอุ้งมือของผมจนผมไม่รู้ว่าควรกอดเธอดีไหม ผมสับสนระหว่างความต้องการที่จะปลอบโยนเธอ แต่ในขณะเดียวกัน ผมจะบอกเธอได้อย่างไรถึงความสุขที่กำลังเปี่ยมล้นอยู่ในใจ
การได้รู้ว่าลูกของเรากำลังเติบโตอยู่ในท้องของเธอทำให้ผมรู้สึกทั้งสุขทั้งทุกข์ปนเปกันไป แต่ในความเป็นจริงอันโหดร้ายของสถานการณ์นี้ อัลฟ่าเลียมคงจะทำให้เราสองคนหัวหลุดจากบ่าแน่ถ้าเขาได้ล่วงรู้ความจริง
เขาคงจะฆ่าสเตลล่าก่อนเป็นคนแรกเมื่อรู้ว่าเธอใช้ยาคุมกำเนิดมาตลอดตอนที่อยู่กับเขา และนั่นคือคำตอบว่าทำไมเธอถึงเป็นหมันมานานขนาดนี้ เพราะเธอทนไม่ได้ที่จะต้องมีลูกให้เขาทั้งที่เธอไม่ได้รัก
“ฉันจะบอกเขา” น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความขุ่นเคืองของเธอฉุดผมออกจากภวังค์ ผมก้มลงมองก็เห็นเธอกำลังจ้องมองผมอยู่
เธอเอาจริง
ฉิบหาย
เธอเอาจริง
“เธอจะบ้าเหรอ แอสเทลล่า เราสองคนอาจจะตายได้เลยนะ”
“แล้วนายคาดหวังให้ฉันทำอะไรล่ะ คลอดลูกของนายแล้วมองดูเขาขึ้นเป็นผู้สืบทอดบัลลังก์ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับเขางั้นเหรอ นั่นมันวิปริตนะ ฉันอาจจะโดนพระพิโรธของเทพีจันทราได้!”
“ฉันไม่ได้บอกให้เธอทำอย่างนั้น แต่การไปบอกเขามันก็ไม่ใช่ทางเลือกเหมือนกัน เราคิดหาทางอื่นกันได้นี่”
“อย่างเช่นอะไรล่ะไรอัน!” เธอตวาด น้ำตาหยดใหม่ไหลรินลงมาบนแก้มอีกครั้งขณะที่เธอปล่อยโฮออกมา ไหล่ของเธอสั่นสะท้านตามแรงสะอื้น และผมรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างมาบีบรัดหัวใจจนปวดแปลบอย่างประหลาด
ผมรู้สึกหมดหนทางและเอาเข้าจริงผมก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร เราไม่ได้คิดให้รอบคอบเลย เราปล่อยให้ความปรารถนาที่มีต่อกันมันครอบงำ
เราตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายมาก ยากที่จะเอาตัวรอดไปได้โดยไม่ตาย
“ฉันไม่อยากตายนะไรอัน…” เธอวางมือลงบนแผงอกของผม ดึงตัวเองเข้ามาใกล้ด้วยริมฝีปากที่สั่นเทา “แต่ฉันทำไม่ได้ มันผิดมาก”
“แอสเทลล่า ฉันอยากให้เธอเชื่อใจฉันนะ ฉันจะหาทางออกให้ได้…” ผมดึงเธอเข้ามากอดจนหน้าผากของเราชนกัน เราต่างสูดดมกลิ่นของกันและกัน หลับตาลงขณะเบียดกายเข้าหากันจนผมรู้สึกได้ถึงทรวงอกอวบอิ่มของเธอที่แนบชิดกับแผงอกของผม “เธอรู้ใช่ไหมว่าฉันยอมตายดีกว่าปล่อยให้มีอะไรเกิดขึ้นกับเธอ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เธอก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาสบตาผม และหลังจากนั้นเพียงไม่กี่วินาที เธอก็โน้มตัวเข้ามาจูบผม และผมก็จูบตอบเธอแทบจะในทันทีอย่างดูดดื่มและหิวกระหาย ทันทีที่เธอเดินเข้ามา สิ่งเดียวที่ผมคิดถึงก็คือริมฝีปากอวบอิ่มของเธอและการได้ลิ้มรสมัน
เธอครางออกมาเมื่อแผ่นหลังกระทบกับผนัง และในไม่กี่วินาทีต่อมา ผมก็ยกขาเธอขึ้นมาโอบรอบเอวผมขณะที่ผมเบียดกายเข้าหาเธอ จูบเธอหนักหน่วงและหิวกระหายยิ่งขึ้น ไม่แม้แต่จะถอนจูบเมื่อมือของผมเลื่อนขึ้นไปกอบกุมทรวงอกของเธอ
เสียงครางของเธอเริ่มดังขึ้นและลมหายใจก็ถี่กระชั้นขณะที่เธอเอนหลังพิงกำแพง ส่วนผมก็ประทับจูบไปทั่วใบหน้าของเธอ ไล่ลงมาที่ลำคอ และฝังริมฝีปากลงไประหว่างเนินอกของเธอ
เธอใช้มือจับหัวเข็มขัดของผม ปลดมันออกอย่างรวดเร็วด้วยลมหายใจที่หอบกระเส่า แรงดึงดูดทางเพศระหว่างเรามันคุกรุ่นเหมือนไฟร้อนแรงซึ่งมีเพียงไฟปรารถนาของเราเท่านั้นที่จะดับความต้องการที่มีต่อกันได้
เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นอย่างกะทันหันขัดจังหวะเรา และเราทั้งสองต่างสบตากันด้วยความตื่นตระหนกจนตัวแข็งทื่อเมื่อได้ยินเสียงของอัลฟ่าดังมาจากข้างนอก
“เบต้าไรอัน ขอคุยด้วยหน่อยได้ไหม” ผมรู้สึกได้ว่าดวงตาของแอสเทลล่าเอ่อคลอไปด้วยน้ำตาแห่งความหวาดกลัวและสยดสยองขณะที่เธอยกมือขึ้นปิดปากเพื่อไม่ให้เสียงกรีดร้องเล็ดลอดออกไป
“อย่า…” เธอกระซิบในตอนที่ผมทำท่าจะเดินไปที่ประตู พลางพยักพเยิดให้เธอไปซ่อนในห้องน้ำ “เขาจะได้กลิ่นฉัน”
“เจ้าอยู่คนเดียวรึเปล่า” เสียงของอัลฟ่าดังขึ้นอีกครั้ง และผมก็ตระหนักได้ว่ามันเป็นแค่เรื่องของเวลาก่อนที่เขาจะจำกลิ่นคู่ของตัวเองที่อยู่ในห้องกับผมได้
เราซวยกันแล้ว
