บทที่ 3 - ความกลัว
มุมมองของมาร์โกต์*
ชิงช้าส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดอยู่ใต้ร่างฉัน โซ่สนิมเขรอะของมันครวญครางทุกครั้งที่แกว่งไกวไปมาช้าๆ
มันเป็นเสียงที่คุ้นเคย เป็นเสียงประกอบบทสนทนานับร้อยระหว่างคาร่ากับฉันตลอดหลายปีที่ผ่านมา แต่วันนี้มันกลับดังกว่าปกติ...บาดหู และน่ารำคาญ
หรืออาจเป็นเพราะหัวฉันปวดตุบๆ อยู่ก็ได้
ห้าวันแล้วที่เราส่งใบสมัครออกไป ห้าวันที่ยาวนานแห่งการรอคอย ความหวัง และการบังคับตัวเองให้เชื่อว่าหนทางรอดไม่ใช่แค่ความฝันลมๆ แล้งๆ โง่ๆ
ช่างน่าขันสิ้นดี การร้องขอหนทางรอดจากบ้านเกิดเพื่อไปสู่ห้องขัง...
ถ้าหยุดคิดดูดีๆ มันคือเรื่องที่ฟังดูงี่เง่าที่สุดในโลก แต่ยังไงซะ อะไรก็ดีกว่าอยู่ที่นี่ และเมื่อแต่ละวันผ่านพ้นไป ฉันก็พบว่าตัวเองเฝ้าหวังว่าจะได้รับการติดต่อกลับมาว่าเราได้รับเลือก!
แต่ห้าวันแห่งการรอก็หมายถึงอีกห้าคืนที่ต้องถูกขังอยู่ที่บ้าน อีกห้าคืนที่ต้องพยายามทำตัวให้ล่องหน อีกห้าคืนที่หลบหลีกไม่เร็วพอ...
ฉันยังรู้สึกถึง ‘บทเรียน’ ของเมื่อคืนที่เต้นตุบๆ อยู่ใต้ตา ผิวหนังบวมเป่งและตึงเปรี๊ยะ พอถึงตอนเช้ารอยช้ำก็ปรากฏขึ้นเต็มที่ เป็นสีม่วงปนเหลืองน่าเกลียด
ตลอดทั้งวันที่เหลือ ฉันไม่คิดจะส่องกระจกดูด้วยซ้ำว่ามันดูแย่แค่ไหน แค่ความรู้สึกเจ็บแปลบๆ ก็เป็นเครื่องเตือนใจได้ดีพอแล้วว่ามันยังอยู่ตรงนั้นไม่ไปไหน
คาร่านั่งอยู่ข้างๆ ฉันบนชิงช้าอีกตัว ใช้ปลายรองเท้าบู๊ตเก่าๆ เขี่ยดินเล่น เธอไม่ได้มองหน้าฉันตรงๆ มาสักพักแล้ว สายตาของเธอชำเลืองมองขึ้นมาเป็นครั้งคราวอย่างรวดเร็ว ก่อนจะรีบหลบไปทางอื่นอีกครั้ง
เธอกำลังรวบรวมความกล้า
ที่จะถามคำถามนั้น
คำถามแรกมักจะมาแบบสบายๆ เหมือนแค่ชวนคุยไปเรื่อย
“เอ่อ...คราวนี้หนักแค่ไหนเหรอ” ถ้อยคำหลุดรอดไรฟันของเธอออกมา
ฉันผ่อนลมหายใจ นิ้วที่กำโซ่ชิงช้าอยู่แน่นขึ้น “ก็ไม่เป็นไร ไม่ได้แย่ที่สุดมั้ง” ฉันยักไหล่
เธอถอนหายใจพรืดทางจมูก รองเท้าบู๊ตของเธอขูดกับพื้นแรงขึ้น “มาร์โกต์...”
ฉันตวัดสายตาไปมอง เป็นสายตาที่ตั้งใจจะให้เธอหยุดพูด แต่เธอก็ไม่ยอมหยุด ไม่เคยเลย ความเป็นห่วงของเธออยู่เหนือทุกสิ่งเสมอ
“นานไหม” เธอเค้นถาม เสียงเบาลง
ฉันยักไหล่ “แล้วมันสำคัญยังไงล่ะ ในเมื่อตอนนี้มันก็จบไปแล้ว”
ปากของเธอเม้มเป็นเส้นตรง “คืนนี้ไปนอนค้างบ้านฉันก็ได้นะ” เธอเสนอ แต่เราทั้งคู่ต่างก็รู้ว่ามันไม่ใช่ทางแก้ปัญหาที่แท้จริง หลังจากเรื่องที่เกิดขึ้นคราวที่แล้วที่ฉันทำแบบนั้น...
บ้านของเธอก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันสักเท่าไหร่ และที่สำคัญ ถ้าฉันไม่กลับบ้าน เขาจะยิ่งโมโหหนักกว่าเดิมในครั้งหน้าที่ฉันกลับไป
“ขอบใจนะ แต่ฉันไม่เป็นไร” ฉันพยักหน้าหนึ่งครั้งเพื่อยืนยันคำโกหกของตัวเอง
ตอนนี้คำโกหกหลุดออกจากปากง่ายดายเสียจนแทบไม่รู้สึกว่าเป็นคำโกหกอีกต่อไป
คาร่าพ่นลมหายใจ เอนหลังพิงโซ่ชิงช้า แขนของเธอคล้องรอบโซ่หลวมๆ “เคยเบื่อบ้างไหมที่ต้องแกล้งทำเป็นว่ามันไม่ได้ทำให้เธอเดือดร้อน ที่ต้องแกล้งทำเป็นว่าการอยู่กับเขาไม่ได้ทำให้เธอเดือดร้อนน่ะ”
“แล้วเธอละ” ฉันสวนกลับ เลิกคิ้ว วันนี้ความอดทนของฉันเหลือน้อยเต็มที
เธอถอนหายใจ พลางส่ายหน้า “เถียงไม่ขึ้นเลย”
ความเงียบโรยตัวอยู่ระหว่างเรา หนาหนักและน่าอึดอัด ขณะที่ความรู้สึกผิดที่เผลอวีนใส่เพื่อนค่อยๆ ก่อตัวขึ้นในใจ...
แต่ก่อนที่ฉันจะได้เอ่ยคำขอโทษแบบขอไปที ฉันก็สังเกตเห็นว่ามีบางอย่างดึงดูดความสนใจของคาร่าได้ เธอตื่นตัวขึ้นมาทันที ร่างกายแข็งทื่อขณะขยับนั่งตัวตรงเพื่อให้มองเห็นฝั่งตรงข้ามถนนได้ชัดขึ้น...
“อะไรเหรอ” ฉันถาม ไม่ได้มองตามสายตาเธอไป
เธอพยักพเยิดไปทางห้องสมุด “มาร์โกต์ ดูนั่นสิ”
ฉันหันไปทันเห็นบรรณารักษ์หน้าบูดที่เรารู้จักดี เธอกำลังก้าวออกมาบนทางเท้า จัดกระเป๋าบนไหล่ก่อนจะรีบเดินจ้ำอ้าวไปตามถนนพร้อมกับชำเลืองมองนาฬิกาข้อมือ
“เธอจะไปไหนน่ะ” ฉันเปรยขึ้นลอยๆ ทั้งที่รู้ว่าคาร่าก็รู้เท่าๆ กับฉัน
คาร่ายิ้มกริ่ม “หวังว่าคงไปไกลพอที่จะไม่ทันสังเกตถ้าเราจะแอบใช้ไวไฟสักห้านาที”
ฉันขยับตัวนั่งตรงขึ้นเล็กน้อย มองตามจนกระทั่งร่างของเธอลับหายไปตรงหัวมุมถนน...
ห้องสมุดยังเปิดอยู่—ป้ายบนประตูบอกไว้อย่างชัดเจน แต่เมื่อไม่มีเธออยู่ที่โต๊ะบรรณารักษ์...ใครก็ตามที่มาอยู่แทน ก็จะไม่รู้ว่าเราเข้ามาใช้บริการแล้วเมื่อต้นสัปดาห์!
ฉันเหลือบมองคาร่า
เธอลุกขึ้นยืนเรียบร้อยแล้ว
“เร็วเข้าสิ ขยับได้แล้ว!” เธอพูดพร้อมกับคว้าข้อมือฉัน
ฉันลังเล “แล้วถ้าเธอกลับมาเร็วกว่าที่เราคิดล่ะ”
คาร่ากรอกตา “เราจะใช้เวลาไม่นาน อย่างมากก็ห้านาที”
ห้านาที...เราต้องการแค่นั้น...แค่เข้าไปเช็กดู!
ฉันกัดกระพุ้งแก้ม แต่ขาก็ก้าวตามเธอไปแล้ว จากฝีเท้าที่เร่งรีบก็กลายเป็นการวิ่ง
ประตูส่งเสียงเอี๊ยดเมื่อเราแอบย่องเข้าไปข้างใน อากาศเย็นลงทันที กลิ่นหนังสือเก่ากับฝุ่นโอบล้อมรอบตัวฉันเหมือนผ้าห่มผืนเก่าที่คุ้นเคยและให้ความรู้สึกปลอดภัย—นี่คือช่วงเวลาโปรดของฉันในแต่ละสัปดาห์
โต๊ะบรรณารักษ์ว่างเปล่า
ไม่มีเสียงฝีเท้า
ไม่มีเสียงคน
มีแค่เราสองคน
คาร่าไม่รอช้า เธอพุ่งไปยังคอมพิวเตอร์ที่ใกล้ที่สุด โบกมือให้ฉันตามไปขณะที่ทิ้งตัวลงนั่งในที่ประจำของเธอ—แล้วรัวนิ้วลงบนแป้นพิมพ์เพื่อล็อกอิน
“เร็วเข้าสิ มาร์โกต์” เธอพูดเสียงลอดไรฟัน เรียกสติฉันที่กำลังเหม่อลอยอยู่ตรงประตูให้รีบเดินไปหาเธอ
ฉันนั่งลงข้างๆ เธอ หัวใจเต้นระรัวขณะที่หน้าจอคอมพิวเตอร์สว่างวาบขึ้นเป็นหน้าแรกในที่สุด
นิ้วของคาร่าขยับอย่างรวดเร็วขณะที่เธอเปิดหน้าอีเมลของตัวเองขึ้นมาก่อน—หน้าเว็บค้างไปชั่วอึดใจและใช้เวลาโหลดนานกว่าปกติ
ฉันกลั้นหายใจ
เราทั้งสองแลกเปลี่ยนสายตากันอย่างกระวนกระวาย
และแล้ว—
ข้อความใหม่ก็ปรากฏขึ้นในกล่องจดหมายของเธอ หัวข้อว่า 'ผลการสมัครพีพี'
ท้องไส้ของฉันปั่นป่วนไปหมดขณะที่เธอคลิกเปิดมัน ชีพจรของฉันเต้นดังตุบๆ อยู่ในหู
ฉันกวาดสายตาอ่านข้อความจากข้างๆ เธอ เราทั้งคู่ต่างเร่งอ่านเพื่อหาผลลัพธ์ แทบจะไม่ได้ประมวลผลคำเหล่านั้นก่อนที่คาร่าจะสูดหายใจเข้าอย่างแผ่วเบาจากข้างกายฉัน
“โอ้พระเจ้า” เธอกระซิบ “มาร์โกต์ ฉันได้คำตอบแล้ว เขาอยากให้ฉันไปขึ้นเรือเฟอร์รี่วันที่ 20 จากท่าเรือเมโดว์แบงก์!” เธออ่านทวนขณะที่ฉันอ้าปากค้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“คาร่า วันนี้วันที่สิบเก้านะ! วันที่ยี่สิบก็พรุ่งนี้แล้ว! เธอจะไปท่าเรือเมโดว์แบงก์ทันพรุ่งนี้ได้ยังไง!” ฉันร้องเสียงหลง สมองพยายามประมวลผลสิ่งที่เกิดขึ้นให้ทัน
“เดี๋ยวก่อนๆๆ!” เธอชูมือขึ้น ดวงตาเบิกกว้างขณะครุ่นคิด “ขอฉันปริ๊นต์อันนี้ก่อน แล้วเราค่อยเช็คอีเมลของเธอ—ดูสิว่าเธอได้คำตอบด้วยรึเปล่า!” คาร่าบอกแผนของเธอ ขณะที่ฉันพยักหน้าหงึกๆ และบิดมือไปมาด้วยความคาดหวัง
นิ้วของคาร่ารัวไปทั่วคีย์บอร์ด นำทางไปยังฟังก์ชันการพิมพ์ด้วยความเร่งรีบของคนที่กำลังกู้ระเบิด เครื่องปริ๊นเตอร์คร่ำคร่าในมุมห้องส่งเสียงครวญครางก่อนจะกลับมาทำงาน มันส่งเสียงหวีดหวิวติดขัดและเสียงคลิกของเครื่องจักรเป็นชุด ก่อนจะคายกระดาษแผ่นนั้นออกมา
ฉันมองเธอพุ่งตัวไปที่เครื่อง คว้ากระดาษแผ่นนั้นทันทีที่มันไหลลงถาด ท้องของฉันบีบเกร็ง นี่คือเรื่องจริง มันกำลังเกิดขึ้น เธอได้รับเลือกแล้ว พรุ่งนี้ป่านนี้ เธอก็อาจจะจากไปแล้ว
แต่แล้วฉันล่ะ?
ถ้าคาร่าออกไปจากที่นี่ได้ แต่ฉันไม่ได้ล่ะ?
ถูกทิ้งไว้ให้เน่าเปื่อยอยู่ที่นี่...
นิ้วของฉันลอยอยู่เหนือคีย์บอร์ด ลมหายใจไม่สม่ำเสมอขณะที่ฉันบังคับตัวเองให้ล็อกอินเข้ากล่องจดหมายของตัวเอง สายตาฉันกวาดมองหัวข้ออีเมลอย่างสิ้นหวัง ฉันรู้สึกได้ว่าคาร่ามายืนอยู่ข้างๆ อีกครั้ง ลมหายใจของเธอถี่กระชั้น...
“ว่าไง?” เธอถาม พลางกำใบยืนยันที่พิมพ์ออกมาแน่นจนกระดาษยับยู่ยี่ในมือ
ฉันกลืนน้ำลายอย่างยากลำบากแล้วรีเฟรชหน้าเว็บ อีเมลของฉันใช้เวลาโหลดนานกว่าเล็กน้อย วงล้อหมุนๆ ที่ด้านบนของหน้าจอราวกับกำลังเยาะเย้ยฉัน ยืดช่วงเวลาแห่งการรอคอยออกไปเพื่อปั่นหัวฉันให้มากขึ้นอีก
และแล้ว—
มันก็ปรากฏขึ้น
'ผลลัพธ์การสมัคร พีพี'
หัวข้อเดียวกับที่ของคาร่าซึ่งฝังลึกอยู่ในสมองของฉัน
ฉันลังเล นิ้วแข็งทื่ออยู่บนเมาส์เผื่อว่าผลลัพธ์ของฉันจะเป็นข่าวร้าย...
คาร่าแทบจะตัวสั่นอยู่ข้างๆ ฉัน “เปิดมันสักทีสิ!”
และฉันก็คลิกลงไปอย่างแรง
อีเมลเปิดออกตรงหน้าฉัน สายตาฉันไล่ไปตามตัวอักษร พยายามมองหาเพียงส่วนเดียวที่สำคัญจริงๆ
เราเสียใจที่ต้องแจ้งให้คุณทราบว่า...
ฉันหยุดอ่าน
ทุกอย่างภายในตัวฉันนิ่งสนิท ราวกับร่างกายได้ปิดระบบการทำงานเพื่อป้องกันไม่ให้ฉันรับรู้ถึงความหนักอึ้งของถ้อยคำเหล่านั้นได้อย่างเต็มที่
เราเสียใจที่ต้องแจ้งให้คุณทราบว่า
ไม่ได้รับคัดเลือก
ไม่ถูกเลือก
ไม่ได้ออกไป
ฉันแทบไม่รู้สึกตัวว่ามือของตัวเองชาด้านไปแล้ว ยังคงแข็งค้างอยู่บนคีย์บอร์ด ขอบหน้าจอเริ่มพร่ามัว การมองเห็นของฉันตีบแคบลงราวกับโลกทั้งใบหดเล็กลงจนเหลือเพียงถ้อยคำพิพากษาห้าคำนั้น
“มาร์โกต์?”
น้ำเสียงของคาร่าเต็มไปด้วยความกังวล และฉันรู้ว่าฉันนิ่งไปนานเกินกว่าจะแสดงปฏิกิริยาใดๆ
เธอโน้มตัวข้ามไหล่ฉัน กวาดสายตาอ่านอีเมล ลมหายใจของเธอสะดุดในลำคอเมื่อเธออ่านมาถึงส่วนเดียวกับฉัน
“ไม่” เธอพึมพำ “ไม่ ไม่ ไม่ มันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆ—”
“มันไม่ใช่ความผิดพลาด” ฉันพูดแทรก น้ำเสียงราบเรียบจนน่าขนลุก “ฉันไม่ถูกเลือก”
ฉันรู้สึกได้ว่าเธอกำลังจ้องมอง รอคอยปฏิกิริยาบางอย่างจากฉัน... การฟูมฟาย การระเบิดอารมณ์ หรืออะไรก็ได้สักอย่าง
แต่ฉันไม่มีอะไรเหลือให้แสดงออกมาอีกแล้ว
ฉันแค่นั่งอยู่ตรงนั้น จ้องมองถ้อยคำที่เพิ่งปิดผนึกชะตากรรมของฉัน
“มาร์โกต์...”
เธอเอื้อมมือมาหาฉัน แต่ฉันขยับตัวหนี
“เธอจะไปพรุ่งนี้” คำพูดเหล่านั้นหลุดออกมาอย่างกลวงโบ๋ ราวกับเป็นเสียงของคนอื่น
คาร่าส่ายหน้า “งั้นเราก็ต้องหาทางอื่น เราจะ—”
“มันไม่มีทางอื่นแล้ว” น้ำเสียงของฉันแข็งกร้าวกว่าที่ตั้งใจ แต่ฉันไม่สนใจแล้ว ฉันรู้สึกแตกสลายอยู่ข้างใน
คาร่าขบกรามแน่น ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความขุ่นข้องใจ ความรู้สึกผิด หรืออะไรบางอย่างที่ฉันไม่มีแรงจะไปทำความเข้าใจ
“กะ-ก็ได้... ปริ๊นต์มันออกมาเถอะ เราเอาพวกนี้ไปด้วยกัน... ไปอ่านเต็มๆ แล้วดูว่าเราจะทำอะไรได้บ้าง” คาร่าเสนอ พลางเขย่าไหล่ฉันให้ได้สติ ฉันกลืนก้อนที่จุกอยู่ในลำคอและเลื่อนเมาส์ไปยังไอคอนพิมพ์อย่างลังเล
สำเนากระดาษจะยิ่งทำให้ฉันรู้สึกแย่กับการถูกปฏิเสธ แต่ฉันก็ทำอยู่ดี... กดพิมพ์
เสียงประหลาดที่ดังขึ้นอย่างกะทันหันกระชากเราทั้งสองออกจากภวังค์—เสียงปิดประตู
ซวยแล้ว
บรรณารักษ์กลับมาแล้ว
มือของคาร่ายื่นมาคว้าข้อมือฉัน “เร็วเข้า” เธอร้องบอก รีบวิ่งไปกระชากหน้ากระดาษของฉันออกจากเครื่องปริ๊นเตอร์
เราเผ่นออกจากหน้าคอมพิวเตอร์ ทิ้งอีเมลปฏิเสธของฉันเปิดคาไว้บนหน้าจอขณะที่เราวิ่งสะดุดไปยังทางออก—เฉียดผ่านตัวหล่อนไปด้วยความเร็วที่ไม่เคยทำได้มาก่อนจนหล่อนแทบไม่ทันสังเกตว่าเราสองคนกำลังทำอะไร
เราวิ่งออกมาถึงถนน ข้ามไปยังฝั่งตรงข้ามที่ปลอดภัยซึ่งเป็นสนามเด็กเล่นร้าง
คาร่าหันมาหาฉัน ดวงตาของเธอดูสิ้นหวังและหอบหายใจอย่างหนัก “เราแก้ไขเรื่องนี้ได้ เราแค่ต้องวางแผน มันอาจจะมีอะไรอย่างอื่นในหน้านี้ก็ได้!”
ฉันแทบไม่ได้ยินที่เธอพูด
เพราะทั้งหมดที่ฉันคิดได้ก็คือ—
เธอกำลังจะจากที่นี่ไป
แต่ฉันไม่ได้ไป
และฉันก็ไม่รู้เลยว่าฉันควรจะทำบ้าอะไรต่อไป...
