บทนำ
บท 1
1. ขับไล่ออกจากตระกูล
“ไสหัวออกไปซะ หญิงกาลกิณีดาวไม้กวาด!”
เสียงเอะอะโวยวายของคนจำนวนหนึ่งทำให้ชาวบ้านละแวกนั้นออกมายืนมุงดูด้วยความสงสัย ลู่เสียนสะใภ้รองของตระกูลหลินพร้อมกับลูกสาวและลูกชายถูกโยนออกมานอกรั้วบ้าน ตามมาด้วยข้าวของเครื่องใช้ เสื้อผ้า และของกระจุกกระจิกอีกไม่มากลอยตามมา ลู่เสียนมีบุตรสองคน คนพี่ชื่อหลินเจียอี เป็นหญิงอายุ 14 หนาว หน้าตาน่ารัก ผิวขาวดุจไข่มุก เรือนผมหยักลอนสีน้ำตาลเข้ม นัยน์ตาสีน้ำตาลเป็นประกาย คนน้องชื่อหลินอันฉี เป็นเด็กชายอายุ 7 หนาว หน้าตาน่ารักน่าชัง ช่างพูดช่างเจรจา ลูกทั้งสองของนางเป็นเด็กดีกตัญญูว่านอนสอนง่าย
งานศพของหลินฮุ่ยหมิงผู้เป็นสามีเพิ่งผ่านพ้นไปได้แค่หนึ่งวัน เมียและลูกทั้งสองกลับถูกไล่ออกจากบ้านเหมือนหมูเหมือนหมา สาเหตุเนื่องจากหลินฮุ่ยเฟินผู้เป็นพี่ชายของฮุ่ยหมิงฉวยโอกาสหลังจากฮุ่ยหมิงลาจากโลกนี้ไปยึดเอาสมบัติมาเป็นของตน แล้วยังใส่ความหาว่าหวังลู่เสียนเป็นสตรีมีดวงกาลกิณี ตัวอัปมงคล
“ได้ ข้ากับลูกจะไปจากที่นี่ก็ได้ แต่ข้าขอสินเดิมของข้าคืน และหนังสือตัดขาดจากตระกูลหลิน จากนี้ไปข้ากับลูกทั้งสองไม่มีความเกี่ยวข้องกับตระกูลหลินอีก”
“นี่ เอาไปหนังสือตัดขาด แต่สินเดิมนั้นอย่าหวังว่าจะได้”
“หากข้าไม่ได้สินเดิม เช่นนั้นข้าจะไปแจ้งทางการให้มันรู้ไป”
“หึ อย่าให้นางไปแจ้งทางการได้ ตีขานางให้หัก”
หลินฮุ่ยเฟินได้ฟังก็โกรธจัด สั่งให้ภรรยาและลูกรุมทุบตีลู่เสียน เพื่อไม่ให้นางไปแจ้งทางการได้ เจียอีและอันฉีเห็นแม่ถูกรุมทุบตีก็ตรงไปเข้าช่วย แต่เรี่ยวแรงของเด็กน้อยไม่สามารถปกป้องแม่ได้ จึงถูกลุงและป้าสะใภ้ทุบตีไปด้วยอย่างไร้ซึ่งความปราณี ใช้ทั้งไม้ทุบตีและเท้าเตะถีบทำเหมือนสามแม่ลูกไม่ใช่คน สามแม่ลูกร่างกายเขียวช้ำร่ำไห้ด้วยความเจ็บปวด ลู่เสียนเห็นลูกทั้งสองถูกทุบตีก็คลานเข้าไปโอบกอดลูกเอาไว้ในอ้อมอก กระทั่งลุงและป้าสะใภ้ทุบตีจนพอใจจึงโยนสินเดิมของนางมาให้นิดหน่อย
“ฮื่อ ท่านแม่ ท่านแม่เจ็บมากไหม”
“แม่ไม่เจ็บ แม่ไม่เจ็บ เจ้าไม่เป็นไรใช่หรือไม่”
“ข้าเจ็บ ฮื่อ ฮื่อ”
อันฉีร้องไห้ซุกหน้ากับอกมารดา ในขณะที่พี่สาวสลบไม่ได้สติคาอ้อมกอดลู่เสียน นางปลุกลูกสาวให้ตื่นลืมตา เด็กสาวได้ยินเสียงแม่ ลืมตาขึ้นมองเพียงครู่ก็สลบไปใหม่
“ได้สินเดิมแล้วก็ไสหัวไปซะ”
ฮุ่ยเฟินพูดจบก็พาลูกเมียเข้าบ้าน ปิดประตูรั้วใส่หน้าสามแม่ลูก ลู่เสียนเห็นว่าทำอะไรไม่ได้แล้วจึงแบกเจียอีขึ้นหลัง ชาวบ้านที่มุงดูต่างก็มองสามแม่ลูกด้วยความเห็นใจ แต่เข้าไปยุ่มยามเรื่องของตระกูลหลินไม่ได้ เพราะถือว่าแต่ละครัวเรือนนั้นต่างคนต่างอยู่ ลู่เสียนแบกลูกสาวเดินเท้าเข้ามาในหมู่บ้านเพื่อจ้างรถม้า โดยมีลูกชายที่สะอื้นไห้เงียบ ๆ เดินเคียงกันมา นางฝืนเดินแม้ร่างกายจะเจ็บปวดจากการถูกทุบตี ตั้งใจว่าจะพาลูกกลับไปที่บ้านเดิม ซึ่งอยู่ห่างจากที่นี่ไกลเกือบสองร้อยลี้ เมื่อมาถึงปากทางเข้าหมู่บ้านรถม้าก็หยุดวิ่ง คนขับรถม้ามองดูเส้นทางที่ขรุขระแล้วเอ่ยขึ้น
“เส้นทางจากนี้ไปพวกเจ้าไปกันเองก็แล้วกัน ข้ามาส่งได้เท่านี้”
“ไปอีกหน่อยไม่ได้หรือพี่ชาย ลูกสาวข้าก็ยังไม่ฟื้น”
“ไม่ได้ ทางเป็นหลุมเป็นบ่อขนาดนี้ ขืนข้าเอารถม้าเข้าไป หากรถม้าข้าเสียหายเจ้ามีปัญญาชดใช้ให้ข้าได้หรือ”
คนขับรถม้าบอกปัดในทันที เมื่อไม่ได้รับความเห็นใจลู่เสียนจำต้องแบกร่างที่ไร้สติขึ้นบนหลังอีกรอบ นางใช้ผ้ามัดตัวลูกสาวผูกติดกับเอวตนเอง เพื่อป้องกันไม่ให้เจียอีหงายหลังร่วงหล่น ส่วนสัมภาระก็ห่อใส่ผ้าผืนใหญ่แล้วมัดเอาไว้ทางด้านหน้า ข้าวของอีกส่วนหนึ่งอันฉีช่วยนางถืออย่างไม่อิดออด
“ท่านแม่ เมื่อไหร่ท่านพี่จะตื่น”
“อีกเดี๋ยวพี่เจ้าก็ตื่นแล้ว”
ลู่เสียนบอกลูกชายน้ำเสียงอ่อนโยน แววตามองตรงไปยังหนทางข้างหน้า ระยะทางจากจุดนี้ไปถึงหมู่บ้านเดิมยังห่างมาก ลู่เสียนเดินผ่านเส้นทางที่เต็มไปด้วยหลุมบ่อด้วยความอยากลำบาก บางครั้งก็เผลอยกมือขึ้นปาดน้ำตาไม่ให้อันฉีเห็น
“ท่านแม่ ข้าเหนื่อย”
“เช่นนั้นเรานั่งพักสักหน่อยเถิด”
“ขอรับ”
อันฉีเดินนำหน้าเข้าไปพักที่ร่มไม้ข้างทาง ลู่เสียนแกะผ้าที่ผูกเอวออกปล่อยเจียอีนอนราบกับพื้น นางใช้มือรองน้ำที่พกมาด้วยลูบหน้าลูกสาวด้วยความเป็นห่วง หวังว่าลูกสาวจะฟื้นคืนสติอีกไม่นาน ทว่าเจียอีก็ไม่ลืมตาขึ้นมา
“ท่านแม่ ท่านพี่หลับไปนานเหลือเกิน เหตุใดท่านพี่ไม่ตื่นเสียทีท่านแม่”
เด็กชายตัวน้อยจับมือพี่สาวมากุมไว้ ลู่เสียนเวทนาลูกทั้งสองเป็นอย่างยิ่ง หากฮุ่ยหมิงไม่ตายไปแล้วนางพอมีกำลังพอปกป้องลูกได้ทุกอย่างคงไม่เป็นแบบนี้ ตระกูลหลินจงเกลียดจงชังนางตั้งแต่แต่งเข้าเป็นสะใภ้ เพราะฐานะทางบ้านลู่เสียนนั้นยากจน หลายปีที่ผ่านมาฮุ่ยเฟินและภรรยาก็มักจะหาเรื่องใส่ความนางมาตลอด แต่ลู่เสียนก็ได้ฮุ่ยหมิงสามีปกป้องทุกครั้ง เมื่อขาดฮุ่ยหมิงแล้วชีวิตของลู่เสียนกับลูกจึงไม่ต่างจากเรือลำน้อยที่ลอยแคว้งคว้างกลางทะเลใหญ่ เสาหลักที่เคยยึดเหนี่ยวไม่อยู่แล้ว เป็นเรื่องง่ายที่คนตระกูลหลินจะไล่ส่งเหมือนหมูเหมือนหมา
“ฉีเอ๋อร์ เราเดินต่อกันเถอะ แม่เป็นห่วงพี่สาวเจ้าเหลือเกิน หากถึงบ้านท่านยายเจ้าแล้วจะได้รีบตามหมอมาดูอาการ”
พักหายเหนื่อยได้สักครู่หนึ่ง ลู่เสียนก็พาอันฉีเดินเท้าต่อ พอเดินมาจนถึงหน้าบ้านเดิมก็ร้องเรียกหวังจื่อรั่วผู้เป็นแม่ด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง
“ท่านแม่ ท่านแม่เจ้าคะ”
หวังจื่อรั่ว แม่เฒ่าวัย 58 หนาวได้ยินเสียงก็เดินออกมาดู เห็นลูกสาวยืนอยู่หน้าบ้านสภาพเต็มไปด้วยบาดแผล เสื้อผ้าสกปรกมอมแมมแบกลูกสาวไว้บนหลัง ข้างกันนั้นคือหลานชายที่สภาพไม่ต่างกัน นางหวังได้เห็นอย่างนั้นก็ตกใจ รีบเข้าไปรับหลานสาวที่หลับไร้สติ นางประคองเจียอีไว้แล้วช่วยกันพาเจียอีเข้าไปในบ้าน จากนั้นนางหวังก็ไปตามหมอประจำหมู่บ้านมาเพื่อดูอาการ เมื่อหมอมาถึงก็ได้ตรวจชีพจรเจียอี พบว่าเด็กสาวไม่มีสัญญาณชีพจรเสียแล้ว
“เสียใจด้วย ข้าไม่สามารถยื้อชีวิตนางไว้ได้ ลูกสาวเจ้าสิ้นใจแล้ว”
“ไม่จริง ลูกข้ายังไม่ตาย เจียเอ๋อร์ยังไม่ตายใช่ไหมท่านหมอ ฮื่อ ช่วยลูกข้าด้วยเถอะ นางจะตายไม่ได้ ฮื่อ ฮื่อ เจียเอ๋อร์นางยังเด็กนัก นางจะตายได้อย่างไร”
“...ลูกสาวเจ้านางตายแล้ว”
บอกเพียงเท่านั้นหมอก็ลุกเดินจากไป ลู่เสียนร้องไห้ปริ่มจะขาดใจ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยอมเชื่อที่หมอบอก นางหวังผู้เป็นแม่เห็นอย่างนั้นจึงเข้ามากอดลูกสาวไว้ด้วยความสงสาร ทั้งสงสารหลานที่สิ้นใจไป แล้วยังสงสารลูกสาวที่มาสูญเสียลูกและสามีในคราวเดียวกัน เมื่อไม่กี่วันมานี้ลู่เสียนเพิ่งจะให้คนมาส่งข่าวการตายของสามี แต่นางหวังซึ่งร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงจึงไม่สามารถเดินทางไกลไปเข้าร่วมพิธีศพลูกเขยได้ จึงฝากถ้อยคำไปบอกลูกสาวด้วยความเป็นห่วง ไม่คิดว่าสามวันให้หลังลูกสาวจะแบกหลานสาวที่สิ้นใจกลับบ้านเกิดมาทั้งน้ำตา นางหวังจึงถามลู่เสียนด้วยความสงสัย
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมเจียเอ๋อร์ถึงเป็นแบบนี้”
นางหวังถามขึ้นในขณะที่ฝ่ามืออุ่นยังลูบแผ่นหลังของลูกสาวด้วยความเป็นห่วง นางเองก็ร่ำไห้ด้วยความเสียใจไม่ต่างจากลู่เสียน คว้าตัวอันฉีหลานชายเข้ามากอด
“ท่านแม่ บ้านหลินไล่ข้าออกมาแล้ว พวกเขาทุบตีข้ากับลูกจน ฮึก...จนเจียเอ๋อร์เป็นแบบนี้ แล้วยังยึดเอาทั้งบ้านและร้านขายผ้าไหมที่ข้ากับสามีช่วยกันก่อร่างสร้างตัว พวกคนตระกูลหลินจิตใจเหี้ยมโหดมากเลยท่านแม่”
ลู่เสียนนางพูดไม่ออก ได้แต่ร่ำไห้ด้วยความเจ็บปวดเต็มอกออกมาอีกรอบ เล่ามาเพียงเท่านี้นางหวังก็พอเข้าใจเหตุการณ์ได้เป็นอย่างดี พอรู้กิตติศัพท์ของบ้านหลินมามากในระดับหนึ่ง ตระกูลนี้ละโมบโลภมาก เห็นแก่ตัว งานการไม่ค่อยจะทำ สอนลูกให้ขี้เกียจ แล้วยังอยากได้ของที่ไม่ใช่ของตนมาครอบครอง ดีหน่อยก็แต่หลินฮุ่ยหมิง ลูกเขยที่เพิ่งจากโลกนี้ไป นอกนั้นหาใครดีมีคุณธรรมไม่ได้สักคน
"โอ้ย ปวดหัว"
ในขณะที่ลู่เสียน นางหวัง และหลานชายกอดกันร่ำไห้อยู่นั้น เจียอีก็ดีดตัวลุกขึ้นนั่ง สายตาทั้งสามคู่จึงมองมาที่นางเป็นตาเดียวกัน พอลู่เสียนตั้งสติได้ก็ปรี่เข้าหาเจียอีด้วยความดีใจ นางจับแขนลูกสาวพลิกตัวไปมาก่อนจะโผเข้ากอด
“เจ้ายังไม่ตายจริง ๆ ด้วยเจียเอ๋อร์ แม่ดีใจยิ่งนัก เจ้ายังไม่ตาย”
“...แม่?”
แม่อย่างนั้นหรือ...ไม่สิ...หลินเจียอีมองลู่เสียนด้วยความสับสนมึนงง เมื่อไม่นานมานี้เธอเพิ่งจะเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเพราะติดโรคระบาดโควิด 19 ต่อมาอาการของเธอก็ทรุดลงเรื่อย ๆ เหตุใดฟื้นขึ้นมาแล้วถึงมาโผล่ที่บ้านไม้ทรงโบราณ ผู้คนรอบตัวแต่งกายประหลาด แม้กระทั่งการพูดจาก็ดูล้าสมัยเหมือนที่เธอเคยดูในซีรีส์ย้อนยุค หลินเจียอีค่อย ๆ ดันตัวเองออกจากอ้อมกอดหญิงแปลกหน้า จากนั้นก้มลงมองการแต่งกายของตนเองก่อนจะใช้มือลูบคลำร่างกายสะเปะสะปะจนมาหยุดอยู่ที่หน้าอก
“หายไปไหน! ไม่ใช่ ไม่ใช่แบบนี้ บะ แบนราบ”
หน้าอกคัพซีลดลงมาแบนเกือบจะราบเรียบ เจียอีแหกปากร้องลั่น ดวงตากลมเบิกโตด้วยความตกใจ มองหน้าคนทั้งสามที่ใบหน้าเปื้อนน้ำตาด้วยแววตาสับสนมึนงง อะไรกันนี่...ที่นี่ที่ไหน คงไม่ใช่กำลังฝันอยู่หรอกหรือ พอคิดได้นางก็ใช้มือตบที่แก้มตนเองจนหน้าหัน ปรากฎว่าเจ็บจนต้องร้องโอดโอยออกมา
“โอ้ย เจ็บ ๆ”
“เจียเอ๋อร์ เจ้าเป็นอย่างไร”
ลู่เสียนเชยคางลูกสาวตรวจสอบดูรอยช้ำที่แก้ม ทางด้านนางหวังก็มองหลานสาวด้วยแววตาตกตะลึง หลังจากเจียอีตื่นขึ้นมาก็มีอาการประหลาดยิ่งนัก หรือเป็นเพราะถูกทุบตี เจียอีได้รับการกระทบกระเทือนอย่างหนักจนความจำเสื่อมไปเสียแล้ว นางหวังจึงเรียกชื่อเต็ม ๆ ของหลานสาวอีกครั้ง
“หลินเจียอี”
ถูกต้องแล้ว นี่คือชื่อของนางไม่ผิดเพี้ยน หลินเจียอีหญิงสาวในศตวรรษที่ 21 มีอาชีพเป็นพนักงานบริษัท ทำงานตำแหน่งพนักงานบัญชีที่โกดังเก็บสินค้าใกล้ ๆ ท่าเรือ งานอดิเรกคือ F สินค้าออนไลน์ ชีวิตความเป็นอยู่สุดแสนธรรมดา การงานไม่ก้าวหน้าเพราะประจบนายไม่เก่ง รายได้ไม่พอรายจ่ายเพราะ CF เก่ง สถานะภาพโสดสนิทแบบไม่เคยมีใครมาจีบจนอายุก้าวเข้าวัย 25 หนาว เติบโตมาในชนบทมีพ่อแม่เป็นเกษตรกร
ครุ่นคิดได้ไม่นานเจียอีก็หงายหลังลงไปนอนตามเดิม นางรู้สึกเวียนศีรษะเหมือนบ้านหมุน อีกทั้งร่างกายก็เจ็บระบมไปทั่วร่างจึงหลับต่ออย่างอ่อนเพลีย นางฟื้นขึ้นมาอีกทีในวันถัดไป สภาพร่างกายเริ่มดีขึ้นมากแล้ว เป็นเพราะระหว่างที่นอนซมลู่เสียนได้ป้อนยาให้นางจนเกือบจะหายดี พอฟื้นขึ้นมาได้เจียอีก็เดินสำรวจไปทั่วบ้าน
บ้านหลังนี้เป็นบ้านไม้เก่า ๆ สภาพผุพังมากแล้ว มองออกไปนอกบ้านเป็นป่าเขียวชอุ่มอยู่ไม่ไกลมาก ไกลออกไปอีกคือภูเขาหลายลูกสลับสับหว่างมองเห็นได้จากระยะไกลเป็นชั้น ๆ นางกวาดสายตามองไปรอบ ๆ เห็นอ่างหินตั้งอยู่หน้าบ้านจึงรีบวิ่งเข้าไปชะโงกหน้าดูให้หายคลางแคลงสงสัย เงาในน้ำคือเด็กสาวแรกรุ่น อายุไม่เกิน 15 หนาว หน้าตาผิวพรรณสะอาดสะอ้านงดงาม หุ่นทรงร่างเล็กบอบบาง ผมยาวเป็นสลวยโดยธรรมชาติโดดเด่น ซึ่งแปลกจากหญิงสาวในยุคสมัยนั้นเป็นอย่างมาก ดูไปแล้วคล้ายตุ๊กตาเสียยิ่งกว่าคนที่มีชีวิต นาง
บทล่าสุด
#15 บทที่ 15 สตรีดอกบัวขาว
อัปเดตล่าสุด: 10/3/2025#14 บทที่ 14 เอาคืน
อัปเดตล่าสุด: 10/3/2025#13 บทที่ 13 เจ้านะหรือช่วยคน
อัปเดตล่าสุด: 10/3/2025#12 บทที่ 12 ให้ติดรถม้าไปด้วย
อัปเดตล่าสุด: 10/3/2025#11 บทที่ 11 ข้ามสะพานไปจะเจอปลายทาง
อัปเดตล่าสุด: 10/3/2025#10 บทที่ 10 จินเยว่อย่าดีเกินไป
อัปเดตล่าสุด: 10/3/2025#9 บทที่ 9 นางไม่ได้มาหางาน
อัปเดตล่าสุด: 10/3/2025#8 บทที่ 8 สตรีที่ท่านคู่ควร
อัปเดตล่าสุด: 10/3/2025#7 บทที่ 7 เปลี่ยนจากวัยเด็กก้าวเข้าสู่วัยสาว
อัปเดตล่าสุด: 10/3/2025#6 บทที่ 6 ตามมาเอาเรื่องถึงบ้าน
อัปเดตล่าสุด: 10/3/2025
คุณอาจชอบ 😍
So Bad เพื่อนสนิทร้ายซ่อนรัก
และยังแบล็คเมล์เพื่อให้เธอเป็นแค่คู่นอน!
ภรรยาในนาม
"ผู้หญิงคนนี้คือใคร?"
"ก็ลูกสะใภ้แม่ไงครับ"
"ฉันอยากให้แกแต่งงานก็จริงแต่ไม่ใช่ว่าจะคว้าผู้หญิงไม่มีหัวนอนปลายเท้าที่ไหนมาเป็นลูกสะใภ้ของฉันก็ได้"
"แต่ผมชอบผู้หญิงคนนี้เพราะเธอเข้ากับผมได้ดี"
"เข้ากับแกได้ดีหมายความว่ายังไง?"
"ก็มันเข้าทุกครั้งที่สอดใส่"
"คฑา!"
ดิบ เถื่อน รัก
เมื่อตื่นมาแล้วพบว่าตัวเองนอนกับ ‘อดีตเพื่อนรัก’ ที่กลายเป็นเพื่อนชัง เพื่อนที่เธอแอบรักเขาเพียงแค่ข้างเดียว เพื่อนที่ตราหน้าว่าเธอคือคนที่ทำให้ผู้หญิงที่เขารักจากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ
“ตั้งแต่วันนี้เราขาดกัน! มึงไม่ใช่เพื่อนกูอีกต่อไป อ้อ…แล้วก็จำเอาไว้ด้วยล่ะ ว่าแม้แต่แอบรักกูมึงก็ไม่มีสิทธิ์” เขาประกาศตัดความสัมพันธ์อย่างสิ้นเยื่อขาดใย วาจาทำร้ายหัวใจอย่างแสนสาหัสทำให้เธอน้ำตารื้น
“จอมมึงฟังกูก่อนได้ไหม”
เสียงสั่นเครือพยายามเอ่ยวิงวอน จากนั้นเธอก็วิ่งตามร่างใหญ่ไป แล้วยื้อแขนกำยำเอาไว้สุดแรง ก่อนจะถูกผลักลงไปกองกับผืนทรายร้อนๆ อย่างไร้ปรานี ครั้นจะตามไปยื้ออีกหนก็ต้องผงะ หลับตาปี๋ กลั้นหายใจตัวแข็งทื่อ เมื่อจอมโหดควักปืนออกมายิงเฉียดใบหูไปเพียงเส้นยาแดงผ่าแปด
ปัง!
“ออกไปจากชีวิตกูซะ! แล้วก็อย่ากลับมาให้กูเห็นหน้าอีก!”
เขาเค้นเสียงลอดไรฟัน ขณะทอดสายตาชิงชังมาให้ จากนั้นก็หมุนตัวเดินจากไปอย่างไม่เหลียวหลัง ทิ้งให้คนถูกเขาผลักไสออกไปจากชีวิตร้องไห้ปานปิ่มจะขาดใจ
อุ้มท้องหนี สามีคลั่ง!
ฉันเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็ง ฉันสามารถให้กำเนิดลูกคนนี้และเลี้ยงดูเขาให้เติบโตขึ้นมาได้ด้วยตัวคนเดียว!
ฉันเป็นผู้หญิงที่ใจดำ หลังจากหย่ากันไป อดีตสามีก็มาสำนึกผิด คุกเข่าอ้อนวอนขอคืนดี แต่ฉันก็ปฏิเสธไปอย่างเลือดเย็น!
ฉันเป็นผู้หญิงที่เจ้าคิดเจ้าแค้น ชู้รักของสามีฉัน...นังเมียน้อยนั่น ฉันจะทำให้นางต้องชดใช้อย่างสาสม...
(ขอแนะนำสุดยอดนิยายที่ทำเอาฉันติดงอมแงม อ่านรวดเดียวสามวันสามคืนจนวางไม่ลง สนุกเข้มข้นจนหยุดไม่ได้ ห้ามพลาดเด็ดขาด! ชื่อเรื่องคือ 《แต่งเข้าบ้านเศรษฐี อดีตสามีคลั่งรัก》 ไปที่ช่องค้นหาแล้วพิมพ์ชื่อเรื่องได้เลย)
คืนเดียว...ที่หัวใจถูกขโมยโดยซีอีโอ
เช้าวันรุ่งขึ้น ฉันรีบแต่งตัวและหนีออกมา แต่กลับต้องตกใจแทบสิ้นสติเมื่อไปถึงบริษัทแล้วพบว่าผู้ชายที่ฉันนอนด้วยเมื่อคืนกลับเป็น CEO คนใหม่...
(ขอแนะนำนิยายสนุกๆ ที่ทำเอาฉันติดงอมแงม อ่านรวดเดียวสามวันสามคืนจนวางไม่ลงเลยค่ะ เนื้อเรื่องน่าติดตามสุดๆ ห้ามพลาดเด็ดขาด ชื่อเรื่องคือ 《โอกาสครั้งที่สอง: แต่งงานกับมหาเศรษฐี》 สามารถค้นหาชื่อเรื่องนี้ได้ในช่องค้นหาเลยค่ะ)
แอบรักรุ่นพี่ตัวร้าย
ภารกิจให้เป็นคู่เดทเป็นเวลา1อาทิตย์...
เพอร์เฟค บาสทาร์ด
"ไปตายซะ, ไอ้ลูกหมา!" ฉันตะโกนกลับ, พยายามดิ้นให้หลุด
"พูดมา!" เขาคำราม, ใช้มือข้างหนึ่งจับคางของฉัน
"นายคิดว่าฉันเป็นผู้หญิงง่ายเหรอ?"
"งั้นก็ไม่ใช่สินะ?"
"ไปลงนรกซะ!"
"ดี, นั่นแหละที่ฉันอยากได้ยิน," เขาพูด, ยกเสื้อสีดำของฉันขึ้นด้วยมือข้างหนึ่ง, เผยให้เห็นหน้าอกของฉันและทำให้ร่างกายของฉันเต็มไปด้วยอะดรีนาลีน
"นายทำบ้าอะไรเนี่ย?" ฉันหอบหายใจขณะที่เขาจ้องมองหน้าอกของฉันด้วยรอยยิ้มพอใจ
เขาใช้นิ้วลูบไปที่รอยที่เขาทิ้งไว้ใต้หัวนมของฉัน
ไอ้สารเลวกำลังชื่นชมรอยที่เขาทำไว้บนตัวฉันเหรอ?
"เอาขามาพันรอบตัวฉัน," เขาสั่ง
เขาก้มลงพอที่จะเอาหน้าอกของฉันเข้าปาก, ดูดหัวนมอย่างแรง ฉันกัดริมฝีปากล่างเพื่อกลั้นเสียงครางขณะที่เขากัดลง, ทำให้ฉันแอ่นหน้าอกเข้าหาเขา
"ฉันจะปล่อยมือเธอ; อย่าคิดจะหยุดฉันเชียว"
ไอ้สารเลว, หยิ่งยโส, และน่าหลงใหลอย่างที่สุด, ชายประเภทที่เอลลี่สาบานว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวอีก แต่เมื่อพี่ชายของเพื่อนกลับมาที่เมือง, เธอก็พบว่าตัวเองใกล้จะยอมแพ้ต่อความปรารถนาที่รุนแรงที่สุดของเธอ
เธอน่ารำคาญ, ฉลาด, เซ็กซี่, บ้าสุดๆ, และเธอกำลังทำให้อีธาน มอร์แกนคลั่งไคล้เช่นกัน
สิ่งที่เริ่มต้นเป็นเกมง่ายๆ ตอนนี้กลับทรมานเขา เขาไม่สามารถเอาเธอออกจากหัวได้, แต่เขาจะไม่ยอมให้ใครเข้ามาในหัวใจของเขาอีก
แม้ว่าทั้งคู่จะต่อสู้สุดกำลังกับแรงดึงดูดที่ร้อนแรงนี้, พวกเขาจะสามารถต้านทานได้หรือไม่?
เจ้าสาวตัวแทนของราชาอัลฟ่า
ฉันรู้สึกพ่ายแพ้เมื่อฉันนอนอยู่ใต้ร่างแข็งแกร่งของราชาอัลฟ่า เขากดตัวลงมาหนักหน่วง น้ำตาเปื้อนใบหน้าของฉันและเขามองไปรอบๆ ใบหน้าของฉันด้วยความสงสัย เขาหยุดนิ่งไปนาน หายใจหอบและตัวสั่น
เมื่อครู่เขาฉีกชุดแต่งงานที่สั่งตัดพิเศษของฉันออกจากร่างกายผอมบางของฉันและฉีกมันเป็นชิ้นๆ ฉันสั่นสะท้านอย่างควบคุมไม่ได้เมื่อเขากดฉันลงบนเตียงของเขา จูบทุกจุดบนร่างกายของฉันและกัดจนฉันเลือดออก
สายตาสีฟ้าเข้มของเขาดูดุร้ายและในขณะนั้นฉันกลัวชีวิตของฉันจริงๆ ฉันกลัวว่าคืนวันแต่งงานของฉันจะเป็นจุดจบของชีวิตฉันทั้งหมด
ความทรงจำของวันนั้นเข้ามาในใจฉันขณะที่ฉันคิดกับตัวเองว่า "ฉันมาถึงจุดนี้ได้ยังไง?"
เพื่อช่วยน้องชายของเธอ ฮันนาห์ถูกบังคับให้แทนที่เอมี่ พี่สาวต่างแม่ของเธอในงานแต่งงานที่จัดขึ้น ต้องแต่งงานกับราชาอัลฟ่าผู้โหดร้าย ปีเตอร์ เธอไม่รู้เลยว่ามีอันตรายมากมายรอเธออยู่
อัลฟ่าปีเตอร์ ชายที่หยิ่งยโส เย็นชา และแข็งแกร่งที่สุดในอาณาจักรหมาป่า เขายอมรับการแต่งงานนี้เพราะเขาต้องการหาคู่แท้ของเขา ตามคำทำนาย มีเพียงคู่แท้ของเขาเท่านั้นที่สามารถช่วยเขาจากความโกรธบ้าคลั่งได้ เขาไม่รู้เลยว่าในไม่ช้าเขาจะพบว่าตัวเองตกหลุมรักกับเด็กสาวโอเมก้าคนนี้
คุณอาข้างบ้าน
นิยายร้อนแรงที่จะทำให้หัวใจของคุณเต้นเร่าทุกอณู!!!
อยากลองก็ได้ลอง!
ดอกอ้อ สาวหน้าประถมนมมหาลัย
อยากรู้อยากลองว่าลีลารักของ คุณอาข้างบ้าน ถึงใจแค่ไหน
คุณอาหนุ่ม คมคาย เลยต้องจัดให้
แซ่บถึงใจเลยเชียวล่ะ แม่คุณเอ๋ย
Secret Love Friend แอบรักเพื่อน
"ผมไม่คิดว่าจะได้มาเจอคนที่น่าสนใจแบบคุณที่นี่"
"ผมแค่มาพักผ่อนกายใจเฉยๆ " อีกฝ่ายทำเพียงแค่ยกยิ้มรับ ขยับกายเข้ามาใกล้ ฝ่ามือเอื้อมไปวางที่ต้นขา ลูบไล้ไปมาเบาๆ จนทำให้คนที่นั่งอยู่แทบจะอดใจไม่ไหว ถอนหายใจออกมาแรงๆ และพยายามหันมองรอบๆ ตัว เพื่อหักห้ามใจไม่ให้ตะบันหน้าคนที่กำลังนั่งแนบชิด แต่ก็ต้องสะดุ้งสุดตัว ร้องออกมาอย่างตื่นตกใจ
"เหี้ย!!! "
ร้ายรักอันธพาล
"มาช้านะคนสวย" ปรินเอ่ยแซว เขาส่งสายตากะลิ้มกะเหลี่ยและมองหน้าอกที่ขยายใหญ่กว่าปกติก็อดถามไม่ได้ แค่ริมฝีปากเขาเผลอขึ้นโดยไม่ทันได้ออกเสียงกาเนสก็พูดขึ้นเสียก่อน
"ฉันไปทำนมมาใหม่แล้ว เลิกล้อว่านมแบนได้แล้วนะ" กาเนสนั่งลงบนเก้าอี้ข้างโอโซนพร้อมกับแอ่นหน้าอกขึ้นเล็กน้อย อวดเต้ากลมกลึงขนาดพอดีมือทรงหยดน้ำที่ถูกเกาะอกดันทรงขึ้นจนเห็นร่องอกเบียดแน่น
"ให้กูบีบดูหน่อย มันเหมือนของจริงไหม" ไม่ทันที่กาเนสจะให้อนุญาต โอโซนก็ยื่นมือมาบีบเคล้นหน้าอกเธอเบา ๆ ต่อหน้าเพื่อนผู้ชายอีกห้าคนรวมถึงแป้งปั้นที่นั่งอยู่บนหน้าตักบดินทร์ด้วย
"เป็นไง เหมือนนมแม่มึงไหมคะ" เธอจิ๊ปากถามอย่างเอาเรื่อง
"ไม่เหมือน ถ้าให้เหมือนกูต้องได้ดูด"
Not Love | ไม่รัก(อย่ากั๊ก!!)
นั่นคือประโยคที่มันย้ำเตือนให้ฉันเจียมตัวแล้วต้องเลิกรักผู้ชายเย็นชาอย่างพี่เรย์
ในเมื่อเขาบอกกับฉันอย่างชัดเจนขนาดนั้น ฉันคงไม่โง่รักเขาต่อ....













