บทนำ
“ใช่” ลินคอล์นตอบโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย มือของเขาทาบขึ้นมาครอบครองเนินสวาทของฉัน “ตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็นเธอจนถึงวินาทีนี้ ฉันก็อยากจะเติมเต็มเธอ ขยายเธอให้กว้าง และฝังตัวเองเข้าไปในกายเธอให้ลึกจนสุด จนเธอกรีดร้องออกมาเพราะไม่รู้อีกต่อไปว่าตรงไหนคือจุดสิ้นสุดของฉันและจุดเริ่มต้นของเธอ”
ริมฝีปากของลินคอล์นทาบลงบนลำคอของฉันและฝังคมเขี้ยวลงมา “การที่ไม่ได้ครอบครองเธอคือสิ่งที่ยากที่สุดที่ฉันเคยต้องทำมาในชีวิต”
“คุณอยากจะทำร้ายฉันเหรอ” เสียงของฉันสั่นเครือไปด้วยน้ำตา
“ใช่” ลินคอล์นขยับกายอยู่ใต้ร่างฉัน เสียดสีไปมาตามแนวร่องก้น “นั่นคือสิ่งที่เธออยากได้ยินใช่ไหม โฮป ใช่สิ ฉันอยากทำให้เธอร้องครางออกมา”
โฮป ศิลปินสาวพบว่าตัวเองติดอยู่ในโลกอันโหดร้ายที่ความงดงามได้เลือนหายไป ถูกแทนที่ด้วยความรุนแรงและความสิ้นหวัง
ในสังคมที่ป่าเถื่อนแห่งนี้ ผู้หญิงถูกบังคับให้เป็นคู่เคียงทางเพศ—แลกเปลี่ยนร่างกายเพื่อความคุ้มครองและการอยู่รอด
โฮปปฏิเสธที่จะยอมรับชะตากรรมนี้ เธอหลบหนีเข้าไปในป่ารกร้างอันตราย ตั้งใจแน่วแน่ที่จะเอาชีวิตรอดด้วยวิถีของตนเอง ทว่ากลับได้พบกับอัลฟ่าลินคอล์น คนหมาป่าในตำนาน
ผู้นำผู้ทรงอำนาจคนนี้คือผู้ควบคุมระบบคู่เคียง แต่แล้วนับตั้งแต่แรกพบ เขากลับดูเหมือนจะถูกดึงดูดเข้าหาโฮปอย่างไม่อาจอธิบายได้ ในแบบที่ท้าทายกฎเกณฑ์ทุกข้อ
เมื่อโฮปค้นพบจดหมายโบราณฉบับหนึ่งที่เปิดเผยความจริงอันน่าตกตะลึงเกี่ยวกับโลกใบนี้ เธอไม่เพียงแต่ต้องเผชิญหน้ากับความจริงอันโหดร้ายของสถานการณ์ที่ตนเองกำลังเผชิญอยู่ แต่ยังต้องรับมือกับแรงดึงดูดต้องห้ามที่ก่อตัวขึ้นระหว่างพวกเขาทั้งสอง—ความรักที่อาจทำลายทุกสิ่งที่พวกเขารู้จักจนหมดสิ้น
บท 1
แสงไฟสว่างจ้าบนท้องถนนนอกหน้าต่างรถแท็กซี่พร่าเลือนผ่านไป เป็นภาพเบลอของแสงสีขาวสลับแดงปนเปไปกับสายฝน ทำให้ยากจะมองเห็นสิ่งใดบนถนนข้างนอกได้อย่างชัดเจน
มันคงจะทำให้ฉันรู้สึกแย่ลงไปอีกถ้าไม่ใช่เพราะความเย็นของกระจกที่แนบอยู่กับแก้ม ความเย็นของมันช่วยบรรเทาน้ำตาที่ไหลอาบหน้ามาตลอดทางนับตั้งแต่ออกจากอพาร์ตเมนต์ของจัสติน
สามปีที่ผ่านมาสูญเปล่า
สามปีกับอีกเก้าเดือน... พูดให้ถูกก็เท่านั้น แล้วเพื่ออะไรน่ะเหรอ
เพื่อความว่างเปล่าโดยสิ้นเชิง
ฉันเคยคิดมาตลอดว่าจัสตินคือรักแท้ในชีวิตของฉัน คือผู้ชายที่ฉันจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ด้วยกัน แต่นั่นมันสมัยที่ฉันยังเด็กและโง่ สมัยที่ฉันคิดว่าเขายังมีความทะเยอทะยานอยู่บ้าง
สมัยที่…
มันไม่สำคัญแล้วล่ะว่าฉันเคยคิดอะไร และฉันคงจะบ้าตายถ้ามัวแต่ปล่อยให้ความคิดว่า ‘ถ้าหากว่า...’ เข้ามาครอบงำ ฉันรักเขา
แต่ฉันอยู่กับเขาไม่ได้
ฉันอยากสร้างเนื้อสร้างตัว อยากออกไปสำรวจโลกและวาดภาพสิ่งที่ฉันเห็น ส่วนเขาอยากจะ…
อืม ฉันก็ไม่รู้หรอกว่าเขาต้องการอะไร เพราะฉันไม่แน่ใจว่าตัวเขารู้หรือเปล่าด้วยซ้ำ แต่ที่แน่ๆ มันไม่ใช่สิ่งเดียวกับฉัน เขาเอาแต่ยุ่งอยู่กับการเล่นเกมคอมพิวเตอร์และคร่ำครวญเรื่องวันสิ้นโลก
ราวกับว่ามันจะเกิดขึ้นในวันสองวันนี้อย่างนั้นแหละ เรื่องบ้าๆ เกี่ยวกับสงครามที่กำลังจะเกิด การทดลองลับๆ ของรัฐบาล หรือแม้กระทั่งเรื่องที่ว่ารัฐบาลกำลังเพิ่มขีดความสามารถให้มนุษย์... เปลี่ยนพวกเขาให้กลายเป็นลูกผสมมนุษย์กับสัตว์ที่จะถูกใช้เป็นสุดยอดทหาร เรื่องนั้นน่ะฉันชอบที่สุดเลย เพราะมันบอกให้รู้ว่าเขาบ้าสิ้นดีขนาดไหน
ถ้าฉันต้องฟังทฤษฎีสมคบคิดหรือแผนรับมือวันสิ้นโลกอีกสักเรื่องเดียว ฉันคงหมดอาลัยตายอยากแน่ๆ
โลกนี้เต็มไปด้วยความงดงาม น่าเสียดายที่เขาไม่อาจมองเห็นมัน
เพราะฉะนั้น ถึงแม้การทิ้งเขาและการจบความสัมพันธ์ของเราจะทำให้เจ็บแปลบในอก ฉันก็รู้ว่ามันดีที่สุดแล้ว
เราเป็นคนสองคนที่ต่างกันเกินไป และกำลังมุ่งหน้าไปคนละทิศละทางอย่างสิ้นเชิง
“ข้างหลังโอเคไหมครับ”
น้ำเสียงทุ้มลึกของผู้ชายที่เป็นคนขับทำให้ฉันตกใจจนเผลอร้องเสียงหลง ฉันเงยหน้าขึ้นสบตาเขในกระจกมองหลัง จัดท่าทางตัวเองให้ตรงก่อนจะพยักหน้า
แปลกที่เขาคุยกับฉัน คนขับแท็กซี่ในเมืองใหญ่ไม่ค่อยทำแบบนั้นหรอก อย่างน้อยก็ไม่ใช่กับคนที่ไม่ใช่นักท่องเที่ยว และแค่เหลือบมองฉันแวบเดียวก็รู้แล้วว่าฉันเกิดที่นี่
อีกอย่าง มาสคาร่าของฉันก็ไหลเปรอะเปื้อนแก้ม แถมยังสะอื้นฮักๆ จนตัวโยน ฉันไม่ใช่ภาพที่น่ามองสักเท่าไหร่ แต่เขาก็ยังอุตส่าห์คุยกับฉัน
และไม่ใช่แค่คุย แต่ยังจ้องฉันด้วยสายตาแปลกๆ พลางหรี่ตามอง
ฉันสูดลมหายใจที่สั่นเทาเข้าไปแล้วบังคับตัวเองให้ยิ้ม “ค่ะ ฉันไม่เป็นไร” พลางยักไหล่เล็กน้อย “ไม่เคยรู้สึกดีกว่านี้มาก่อนเลยค่ะ รู้สึกดีที่ได้สลัดตัวถ่วงทิ้งไป คุณเข้าใจใช่ไหมคะ” ฉันฉีกยิ้ม แต่เขาไม่พูดอะไรสักคำและยังคงจ้องมองอยู่ “พรุ่งนี้ฉันจะไปเที่ยวค่ะ กับเพื่อนๆ แล้วก็ครอบครัว” ฉันเสริมคำโกหกเข้าไปอย่างง่ายดาย เพราะไม่มีทางที่ฉันจะยอมให้คนขับแท็กซี่ที่ไหนมาลักพาตัวแล้วทำเรื่องเลวร้ายกับฉัน เพียงเพราะเขาคิดว่าฉันเป็นผู้หญิงอ่อนแอปวกเปียกคนหนึ่ง
ไม่มีทางซะหรอก ไม่มีการลักพาตัวฉันเด็ดขาด ฉันมีชีวิตที่ต้องใช้ และจะเตะก้นทุกคนที่พยายามมาขวางทางฉัน คาราเต้สิบสองปีจะได้ใช้ประโยชน์ก็คราวนี้แหละ ไม่ใช่ว่าฉันคิดว่าเขาจะลักพาตัวฉันจริงๆ หรอกนะ ฉันไม่ได้หวาดระแวงเหมือนจัสติน แต่มันก็ตลกดีที่ได้คิดว่าฉันคงเตะก้นอ้วนๆ ของเขาได้แน่ถ้าเขาพยายาม
“ดีแล้วครับ” ชั่ววินาทีหนึ่ง สายตาของเขาจ้องลึกเข้ามาในตาฉัน “ที่คุณชอบการผจญภัย” เขาหันกลับไปสนใจถนนเบื้องหน้า และฉันก็เงียบลงเมื่อถนนสู่บ้านของฉันปรากฏแก่สายตา “คุณดูเข้มแข็งและสวย คุณจะผ่านมันไปได้ด้วยดี”
แน่นอนว่าฉันคงคิดมากไปเอง เขาคงแค่พยายามชวนคุย บางทีอาจจะเพื่อให้เวลาช่วงกะดึกของเขาผ่านไปเร็วขึ้น อีกอย่าง ฉันกำลังร้องไห้ แล้วเขาจะเป็นผู้ชายแบบไหนกันถ้าไม่ถามผู้หญิงที่กำลังร้องไห้ว่าเธอโอเคไหม
ก็เป็นผู้ชายห่วยๆ ไงล่ะ
บางทีผู้ชายก็ไม่มีวันชนะ
“บ้านเลขที่หกค่ะ” ฉันล้วงกระเป๋า ค้นหากระเป๋าสตางค์ แล้วรอให้เขาจอดรถเทียบข้างทาง ตอนนี้ไม่มีอะไรที่ฉันอยากทำมากไปกว่าการล้มตัวลงนอนแล้วร้องไห้ออกมา เผื่อว่าพอตื่นขึ้นมาในตอนเช้า ฉันจะทำใจปล่อยคนที่ฉันรักที่สุดในชีวิตไปได้
รถจอดเทียบข้างทางอย่างนิ่มนวล ฉันโน้มตัวไปข้างหน้าแล้วหย่อนเงินลงในมือของเขาที่ยื่นออกมารับ ก่อนจะเหวี่ยงประตูเปิดออก สายฝนสาดซัดเข้าใส่ใบหน้า
“ขอบคุณค่ะ” ฉันวางเท้าทั้งสองข้างลงบนทางเท้าและกำลังจะลุกขึ้นยืนเพื่อปิดประตู แต่แล้วเขาก็พูดขึ้นจากข้างหลัง
“คุณผู้หญิงครับ คุณทำของตกไว้”
ฉันหันไปครึ่งตัว จ้องมองประกายสีทองที่ห้อยต่องแต่งจากมือของเขา
“ขอโทษนะคะ แต่นี่ไม่ใช่ของฉัน” ฉันไม่เคยเห็นมันมาก่อน มันเป็นนาฬิกาเรือนใหญ่เทอะทะ เป็นนาฬิกาข้อมือของผู้ชาย และไม่ใช่แบบที่ฉันจะใส่เลยสักนิด
รอยขมวดปรากฏขึ้นระหว่างคิ้วของเขาขณะที่เขาใช้นิ้วเดียวยื่นมันออกมา “แน่ใจนะครับ” รอยขมวดลึกขึ้น “ผมเห็นมันหล่นจากกระเป๋าคุณตอนที่คุณลงจากรถ”
“ฉัน...”
“ดูแพงนะครับ บางทีอาจจะเป็นของแฟนคุณ”
“อาจจะค่ะ แต่...”
“ผมเอากลับไปที่ออฟฟิศแล้วเก็บไว้ในส่วนของหายให้ก็ได้ แต่ดูแล้วมันแพง ผมไม่อยากให้มันถูกใครหยิบไป”
“ค่ะ บางทีมันอาจจะหล่นลงไปในกระเป๋าฉันก็ได้ เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าฉันเอาไปคืนเขาเอง” ฉันค่อยๆ รับโลหะชิ้นนั้นมาจากเขาแล้วกำมันไว้ในมือ ฉันไม่ได้จะทำอย่างที่พูดหรอก แต่จะฝากข้อความไว้ว่าเขาสามารถมารับมันคืนได้ที่บ้านพ่อแม่ของฉัน
“ผมเสียใจด้วย” เขาพูดเบาๆ ซึ่งฉันไม่เข้าใจเลย ทำไมเขาต้องมาแสดงความเสียใจที่ฉันทำของตกในรถแท็กซี่ของเขาด้วย “หวังว่าคุณจะไม่เป็นอะไรนะครับ”
“ขอบคุณอีกครั้งค่ะ” ฉันลุกขึ้นยืน ปิดประตูรถ แล้วยืนอยู่กลางสายฝน เงยหน้ารับมัน ให้มันชะล้างคราบน้ำตาออกจากใบหน้า มันทำให้ผมสีแดงเข้มของฉันเปียกลู่แนบไปกับหนังศีรษะ แต่ฉันไม่สนใจ สายลมและสายฝนให้ความรู้สึกที่ดี ราวกับว่ามันจะสามารถชะล้างปัญหาทั้งหมดของฉันให้หายไปได้ถ้าฉันยืนอยู่ตรงนี้นานพอ แต่ฉันคงไม่ทำอย่างนั้นหรอก ฉันต้องเข้าไปข้างในก่อนที่จะเป็นหวัด หรือก่อนที่พ่อแม่คนใดคนหนึ่งจะมาเห็นแล้วเริ่มถามคำถามที่ฉันยังไม่พร้อมจะตอบ
แถมอากาศยังเย็นๆ อีกด้วย หนาวเลยต่างหาก
ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเหน็บหนาว ยกเว้นนาฬิกาเรือนใหญ่เทอะทะในมือของฉัน โลหะของมันราวกับได้รับความร้อน และร้อนขึ้นเรื่อยๆ ทุกวินาที ฉันมองมันอย่างสับสน ขณะที่รถแท็กซี่เคลื่อนตัวออกไปอย่างรวดเร็วจนมีเสียงล้อบดกับพื้นยางมะตอยเปียกๆ ชั่ววินาทีหนึ่ง ฉันมองแสงไฟท้ายรถที่ลับหายไปอย่างรวดเร็วแล้วถอนหายใจ
และนั่นคือตอนที่ฉันรู้สึกถึงมัน ความรู้สึกวูบโหวงในช่องท้อง ราวกับว่าพื้นโลกเอียงวูบไปใต้ฝ่าเท้า ความคลื่นไส้ตีตื้นขึ้นมาจุกอยู่ที่ลำคอ
ไฟถนนที่เคยสว่างจ้าก่อนหน้าพลันหรี่ลง แล้วก็กะพริบติดๆ ดับๆ ตลอดเวลาที่ทองคำในมือร้อนขึ้น ร้อนขึ้นเรื่อยๆ
“โอ๊ย” ฉันสะบัดมือ ปล่อยมันร่วงหล่น มองดูมันร่วงลงสู่พื้นทางเท้าในภาพเคลื่อนไหวที่เชื่องช้า แล้วหน้าปัดก็แตกละเอียด
แล้วฉันก็ร่วงหล่น ร่วงหล่น และร่วงหล่นลงไปไม่สิ้นสุด
และแสงไฟสลัวๆ เหนือศีรษะก็สว่างวาบขึ้นมา จ้าเสียจนตาพร่ามัว แล้วทุกอย่างก็ดับวูบลง แต่ความรู้สึกร่วงหล่นยังคงอยู่ เหมือนความฝัน เพียงแต่ฉันรู้ว่าฉันจะไม่มีวันตกถึงพื้นหรือตื่นขึ้นมา ร่างกายและจิตวิญญาณของฉันถูกยืดออกแล้วแตกกระจายออกเป็นล้านๆ ชิ้น ราวกับว่าเวลานับร้อยล้านปีได้ผ่านพ้นไป แต่ในขณะเดียวกันก็เหมือนไม่มีเวลาใดผ่านไปเลย
ฉันเบิกตาโพลง ความมืดมิดจางหายไป และฉันก็จ้องมองขึ้นไปบนท้องฟ้าที่ไม่เหมือนท้องฟ้าใดๆ ที่ฉันเคยเห็นมาก่อน หมู่เมฆสีดำทะมึนราวกับกำลังเดือดปุดๆ อยู่เหนือศีรษะ พื้นทางเท้าใต้แผ่นหลังของฉันไม่ใช่พื้นทางเท้าอีกต่อไป ทุกสิ่งรอบตัวฉันผิดเพี้ยนไปหมด แม้กระทั่งกลิ่นในอากาศ ซึ่งมีกลิ่นเหมือนโอโซนและสารเคมี ขมและฉุนกึก
ฉันตื่นและไม่ได้ร่วงหล่นอีกต่อไป แต่ฉันก็ไม่ได้อยู่หน้าบ้านของตัวเองอีกแล้วเช่นกัน ฉันพยุงตัวลุกขึ้น มองไปรอบๆ และปรารถนาในทันทีว่าไม่น่ามองเลย
“คุณเป็นอะไรหรือเปล่าครับ” ชายคนหนึ่งรีบวิ่งเข้ามาแล้วคุกเข่าลงข้างๆ ฉัน “คุณผู้หญิงออกมาข้างนอกหลังฟ้ามืดแบบนี้ไม่ได้นะครับ มันไม่ปลอดภัย”
เขาไม่จำเป็นต้องบอกฉันเรื่องนั้นเลย ฉันมองเห็นอยู่แล้วว่ามันไม่ปลอดภัย
ใช่ ฉันไม่ได้อยู่บ้าน ฉันตื่นขึ้นมาอยู่ท่ามกลางสิ่งที่ดูเหมือนขุมนรกดีๆ นี่เอง
บทล่าสุด
#158 บทสรุป- 2 ปีต่อมา
อัปเดตล่าสุด: 12/9/2025#157 บทที่ 157
อัปเดตล่าสุด: 12/9/2025#156 บทที่ 156
อัปเดตล่าสุด: 12/9/2025#155 บทที่ 155
อัปเดตล่าสุด: 12/9/2025#154 บทที่ 154
อัปเดตล่าสุด: 12/9/2025#153 บทที่ 153
อัปเดตล่าสุด: 12/9/2025#152 บทที่ 152
อัปเดตล่าสุด: 12/9/2025#151 บทที่ 151
อัปเดตล่าสุด: 12/9/2025#150 บทที่ 150
อัปเดตล่าสุด: 12/9/2025#149 บทที่ 149
อัปเดตล่าสุด: 12/9/2025
คุณอาจชอบ 😍
รักโคตรร้าย ผู้ชายพันธุ์ดิบ
ปรเมศ จิรกุล หมอหนุ่มเนื้อหอม รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง เขาขึ้นชื่อเรื่องความฮอตฉ่า เป็นสุภาพบุรุษ อ่อนโยน เทคแคร์ดีเยี่ยม และให้เกียรติผู้หญิงทุกคน ยกเว้นกับธารธารา อัศวนนท์
ปรเมศตั้งแง่รังเกียจธารธาราตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอหน้า เพียงเพราะเธอแต่งตัวเหมือนผู้ชาย เขาเลยประณามว่าเธอเป็นพวกผิดเพศน่ารังเกียจ แต่ใครเลยจะรู้ว่าหมอสาวมาดทอมหัวใจหญิงนั้นจะเฝ้ารักและแอบมองเขาอยู่ห่างๆ เพราะเจียมตัวดีว่าอีกฝ่ายแสนจะรังเกียจ และดูเหมือนคำกล่าวที่ว่าเกลียดอะไรมักจะได้อย่างนั้นจะใช้ไม่ได้ผลสำหรับคนทั้งคู่
กระทั่งดวลเหล้ากันจนเมาแบบขาดสติสุดกู่ เขาจึงเผลอปล้ำแม่สาวทอมที่เขาประกาศว่าเกลียดเข้าไส้ หนำซ้ำยังโยนความผิดว่า ‘ความสัมพันธ์บัดซบ’ ที่เกิดขึ้นเป็นเพราะยัยทอมตัวแสบยั่วเขา เมากับเมาเอากันแล้วไง น้ำแตกก็แยกทาง ทว่าพออีกฝ่ายหลบหน้าเขากลับร้อนรนกระวนกระวาย ครั้นทนไม่ไหวหมอหนุ่มจอมยโสก็ต้องคอยราวี และตามหึงหวงเมื่อมีใครคิดจะจีบ ‘เมียทอม’ ของเขา แต่กว่าจะรู้ตัวว่าขาดเธอไม่ได้ เธอก็หายไปจากชีวิตเขาเสียแล้ว
ลิขิตรักนายสุดหื่น
เรื่องย่อ....
“คุณอัสลาน… คุณออกไปห่างๆฉันหน่อยได้ไหม…ห้องครัวนี่มันก็กว้างมากเลยนะคุณ ทำไมคุณต้องมาใกล้ฉันขนาดนี้ด้วย…”
“ก็ผมอยากจะดูว่าคุณใส่ยาเสน่ห์อะไรลงไปในอาหารหรือเปล่า เพราะช่วงนี้ผมรู้สึกโหยหาคุณตลอดเลย…”
“ใครจะบ้ามาใส่ยาเสน่ห์ให้คุณกินล่ะ แค่นี้ฉันก็แทบไม่ได้นอนแล้ว… ขืนใส่ยาเสน่ห์ให้คุณกิน ฉันไม่นอนแกผ้าให้คุณเอาทั้งวันเลยเหรอ…”
“หึๆ…ก็คุณมันน่ามั่นเขี้ยวนิ จะจับจะตบตรงไหนก็แน่นไปหมดเลย…แถมกลิ่นตัวก็หอมไปยันหอยเลย…อืม…พูดไปแล้วขอผมดมให้ชื่นใจหน่อยสิ วันนี้ทำงานมาโคตรเหนื่อยเลย…”
“อื้อ…คุณจะทำอะไรน่ะคุณฮัสลาน นี่มันในห้องครัวนะคุณ…เดี๋ยวพวกแม่บ้านเดินเข้ามาจะทำยังไงคะ…ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้เลยค่ะ จะมาดมอะไรตรงนี้”
“ก็ผมอยากดมตอนนี้ไงคุณ…เห็นหน้าคุณแล้วผมก็รู้สึกเสี้ยนจนทนไม่ไหวแล้วเนี่ย…ขอผมดมให้ชื่นใจหน่อยเถอะ”
“อ้ะ….คุณอัสลาน….อื้อ….ทำไมคุณมันหื่นแบบนี้เนี่ย….เอามือของคุณออกไปนะ เดี๋ยวคนมาเห็น….อ้ะ…ซี๊ด…อ่าส์….”
โซ่สวาทร้อนรัก
“มันเรื่องของฉัน ตัวฉันของฉันนมก็นมของฉัน คุณไม่มีสิทธิ์มายุ่ง”
“ก็สิทธ์ของความเป็นผัวคนแรกของคุณไง นมคุณน่ะเป็นของผม ทั้งตัวคุณก็เป็นของผม...เข้าใจไหม? ”
คาเรน เซนโดริก อายุ 32 ปี
หนุ่มลูกครึ่งอเมริกา-อาหรับ ที่มีบุคลิกสุขุมเยือกเย็น เจ้าเล่ห์แสนกล และยังเป็นCEO บริษัทไอทีอินเตอร์เนชั่นกรุ๊ปชื่อดังในอเมริกาที่มีสาขาอยู่ทั่วโลก ในแต่ละวันจะมีสาวๆมาคอยปนเปรอสวาทให้เขาในทุกค่ำคืน และในที่สุดเขาก็จัดการเหยื่อสาวผิดคน เพราะคิดว่าเธอคือคนที่ลูกน้องหามา จึงใช้เงินปิดปากเธอให้จบเรื่อง แต่ใครจะคิดว่าเขาต้องมาเจอกับเธออีกครั้ง
ทับทิม รินลดา ชลวัตร อายุ 25 ปี
สาวแว่นช่างเพ้อ ที่มีความสามารถรอบด้าน พ่วงด้วยวาจาอันจัดจ้านไม่ยอมใคร จนถูกคัดเลือกให้ไปดูงานที่ดูไบ ต้องมาเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นสาวสวยสุดมั่นสำหรับงานครั้งนี้ แต่พอไปถึงเธอกลับถูกซาตาน พรากพรหมจรรย์ไปตั้งแต่วันแรกที่ไปถึง และซาตานคนนั้นก็ดันเป็นเจ้าของบริษัทที่เธอทำงานอยู่ แล้วเธอจะทำอย่างไรต่อไปเมื่อต้องเจอกับเขาอีกครั้ง
เด็กดื้อคนโปรด (ของมาเฟีย) BAD
หนุ่มหล่อ ลูกชายมาเฟียตระกูลใหญ่ผู้เย็นชาไร้ความรู้สึก เขาถูกผู้หญิงหลายคนตราหน้าว่าไร้หัวใจ ถึงอย่างนั้นเพราะความหล่อก็ยังมีผู้หญิงอีกมายมายที่พร้อมจะขึ้นเตียงกับเขา
แต่มีผู้หญิงเพียงคนเดียวที่เขารังเกียจและไม่อยากเจอหน้าถึงแม้เธอจะพยายามเท่าไรก็ไม่มีวันมีค่าในสายตาของเขา
“อยากเป็นเมียฉันมากไม่ใช่หรือไง ฉันกำลังจะสนองให้เธอเป็นอยู่นี่ไง แต่ไม่ใช่ในฐานะเมียแต่ง อย่าคิดหวังสูงเกินไป!!”
มิลิน
เธอถูกคนที่ตัวเองแอบรักมาตั้งแต่เด็กรังเกียจเพียงเพราะเขาคิดว่าแม่เธอคือเมียน้อยของพ่อเขา ถึงแม้เขาจะไม่สนใจใยดีอะไรเธอเลย แต่เธอก็ยังรักเขาหมดหัวใจ
ทั้งที่คิดว่าหากยอมยกร่างกายให้เขาแล้วจะได้ความรักกลับคืนมา แต่สุดท้ายก็ได้เพียงความเกลียดชัง
ขย่มรักมาเฟีย
"ความทรงจำบ้าบออะไรของคุณ ฉันไม่อยากจะทบทวนอะไรทั้งนั้น ออกไปห่างๆฉันเลยนะ...อื้อ...ปล่อยฉันสิ ไอ้มาเฟียบ้า...จะมายุ่งกับฉันทำไมห้ะ!...."
"ไม่ยุ่งกับเมีย...แล้วจะให้ไปยุ่งกับหมาแมวที่ไหนล่ะหึ...ไม่ได้เจอตั้งนาน...คิดถึงดุ้นของผมไหม...อยากจะอม...อยากจะเลียเหมือนที่เคยทำหรือเปล่า...."
"ไม่....ถ้าคุณเสี้ยนมากนักก็ไปเอากับผู้หญิงของคุณสิ..ผู้หญิงพวกนั้นเขาเต็มใจทำให้คุณแบบถึงอกถึงใจ คุณจะมาบีบบังคับฉันให้เสียแรงทำไม"
"ก็ผู้หญิงพวกนั้นมันไม่ตื่นเต้นเหมือนกับคุณนิ....ผมชอบใช้แรง...โดยเฉพาะกับคุณ....ชอบเยแรงๆ....ตอกแบบจุกๆ และที่สำคัญผมชอบตอนที่คุณครางเหมือนคนกำลังจะตายตอนที่ผมกำลังเอาคุณ"
"ใครโดนคุณเอาก็ต้องครางเหมือนจะตายกันทั้งนั้นแหละ ใหญ่เกินบ้านเกินเมืองซะขนาดนั้น ไปผู้หญิงเอาพวกนั้นไป อย่ามายุ่งกับฉัน...อื้อ...ปล่อยฉันสิ"
"ทำไมชอบไล่ให้ผมไปเอาคนอื่นนักหึ....ไม่เข้าใจเหรอว่าผมจะเอาคุณ....ผมชอบหอยฟิตๆของคุณมากกว่า...ผมหลง...ผมคลั่งไคล้...และผมก็อยากจะได้มันอีก...หลายๆครั้ง....ซ้ำแล้วซ้ำเล่า....จนกว่าหอยน้อยๆของคุณมันจะรับไม่ไหว...อืม....ไม่ได้เอามานานแล้ว....คุณให้ใครมาซ้ำรอยผมหรือเปล่า...."
I’m evil guy ปีศาจตัวร้ายพ่ายรัก
ทาสสวาทอสูรเถื่อน
“แพงไปหรือเปล่า สำหรับค่าตัวของคุณอย่างมากก็คืนละแสน” ฟรานติโน่พูดไปพร้อมกับมองร่างบางที่กำลังนั่งอยู่บนตักของเขาด้วยสายตาหื่นกระหาย เขายอมรับว่าเขาชอบผู้หญิงคนนี้ เพราะเธอสวยและที่สำคัญนมตูมชะมัดยาก
มันโดนใจเขาจริงๆ ยิ่งสเต็ปการอ่อยของผู้หญิงคนนี้เขาก็ยิ่งชอบ เพราะมันทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นกับสิ่งที่เธอกำลังทำ
“ถ้าคุณไม่สู้ก็ปล่อยฉันสิคะ ฉันจะได้ไปหาคนที่เขาใจถึงกว่าคุณ” พิชชาภาพูดจบก็เอามือยันหน้าอกของฟรานติโน่แล้วทำท่าจะลุกออกจากตักของเขา ก่อนจะถูกมือใหญ่รั้งเอวไว้ไม่ให้ลุกขึ้น
“ได้ ผมจะให้คุณคืนละล้าน แต่คุณต้องตามใจผมทุกอย่าง” ฟรานติโน่พูดไปพร้อมกับรอยยิ้มมุมปากเจ้าเล่ห์ คิดว่าคนอย่างเขาจะยอมเสียเงินหนึ่งล้านบาทง่ายๆงั้นเหรอ คอยดูเถอะเขาจะตักตวงจากเธอให้คุ้มสมราคาที่เขาต้องจ่ายไป
3P อาหมวยโดนอาเฮียใหญ่ทั้งสองจับทำเมีย
เมียขัดดอก
"คุณหมอคะฉันขอร้องล่ะคุณหมอช่วยแม่ฉันด้วยเถอะนะ" หญิงสาวขอร้องอ้อนวอนถึงขั้นยกมือขึ้นมากราบไหว้
"ทางเราช่วยได้เท่าที่ช่วยจริงๆ" ถ้าเขาทำแบบนั้น โรงพยาบาลของเขาอาจจะถูกฟ้องได้ ซึ่งมันไม่เป็นผลดีเลย และมันก็ไม่คุ้มกับการเสี่ยง
"ฉันขอร้องล่ะค่ะ จะให้กราบเท้าฉันก็ยอม"
"คุณอย่าทำแบบนี้เลย"เขารีบพยุงร่างของหญิงสาวที่กำลังจะคุกเข่าลงตรงหน้าให้กลับขึ้นมายืนใหม่อีกครั้ง
"คุณจะให้ฉันทำอะไรก็ได้ ฉันเคยเรียนหมอมาค่ะ ฉันคงพอช่วยงานคุณได้ไม่มากก็น้อย" เพราะเธอเคยเรียนมาด้านนี้ก็เลยรู้ว่าใครที่สามารถจะช่วยแม่ของเธอได้ และก็รู้ด้วยว่ามันเสี่ยงมากถ้าจะทำแบบนี้
"คุณก็เคยเรียนหมอมา คุณก็คงจะรู้ผมคงช่วยไม่ได้"
"ถ้าเปลี่ยนจากช่วยงานเป็นเอาร่างกายของฉันแลกเปลี่ยนได้ไหมคะ"
"คุณพูดอะไร"
"ถ้าคุณหมอยอมช่วยผ่าตัดให้แม่ฉันฉันจะยอมมอบร่างกายให้คุณค่ะ" เธอมีคนที่จะมาบริจาคอวัยวะแล้ว เหลือแค่การผ่าตัดเท่านั้น..
BAD FIANCE พันธะรักคู่หมั้นใจร้าย
เพลิงเขมราช
เธอจึงไม่มีสิทธิ์อ้อนวอน
. . .
ใครต่อใครต่างกล่าวหาว่า ‘อมายา’ เป็นฆาตกร
ที่ฆ่าลูกเมียของ ‘เขมราช’ อย่างเลือดเย็น
นั่นก็เพราะมีหลักฐานมัดตัว แต่ทว่าเธอ ‘ไม่ได้ทำ’
กระนั้นใครเล่าจะเชื่อ
โดยเฉพาะเขา... ชายผู้กุมหัวใจเธอไว้ทั้งดวง
ความแค้นของเขาคอยตามหลอกหลอน
หลับตายังฝันเห็น ตื่นมาก็ยังรู้สึก...
มันทรมานเหมือนตายทั้งเป็น
แต่เพลิงแค้นไม่มีวันมอดลง
จนกว่าเธอจะได้ชดใช้อย่างสาสม
แม้ในวันเธอกำลังจะให้กำเนิด 'ลูกของเขา'
เขมราชกลับย้ำแผลใจให้ลึกลง เพราะเขาต้องการแค่ลูก
ส่วนเธอนั้นไม่มีความหมาย ก็แค่ผู้หญิงไร้ค่าที่รอเวลากำจัดทิ้ง...
. . .
พระเอกร้าย และนางเอกก็ร้ายพอ ๆ กัน
ใครเป็นความดันค่อย ๆ อ่าน ค่อย ๆ ซึมซับนะคะ
เนื้อหาทั้งหมด 57 บท (ไม่รวมบทพิเศษ 4 บท ถ้ารวมก็ 61 บท)
เนื้อหามีประเด็นเสียดสี ท่านใดอ่อนไหวง่ายโปรดใช้วิจารณญาณ
คุณฟอร์บส์
โอ้พระเจ้า! คำพูดของเขาทำให้ฉันรู้สึกตื่นเต้นและหงุดหงิดในเวลาเดียวกัน แม้แต่ตอนนี้ เขาก็ยังเป็นคนเดิมที่หยิ่งยโสและชอบบงการทุกอย่างตามใจตัวเอง
"ทำไมฉันต้องทำแบบนั้นด้วย?" ฉันถาม ขณะที่รู้สึกว่าขาของฉันเริ่มอ่อนแรง
"ขอโทษนะถ้าฉันทำให้เธอคิดว่าเธอมีทางเลือก" เขาพูดก่อนจะคว้าผมของฉันแล้วดันตัวฉันลง บังคับให้ฉันก้มลงและวางมือบนโต๊ะทำงานของเขา
โอ้ พระเจ้า มันทำให้ฉันยิ้ม และทำให้ฉันยิ่งเปียกชุ่ม บรายซ์ ฟอร์บส์ ดุเดือดกว่าที่ฉันเคยจินตนาการไว้มาก
แอนนาลีส สตาร์ลิ่ง สามารถใช้คำพ้องความหมายทุกคำในพจนานุกรมเพื่ออธิบายเจ้านายจอมโหดของเธอ และมันก็ยังไม่เพียงพอ บรายซ์ ฟอร์บส์ เป็นตัวอย่างของความโหดร้าย แต่โชคร้ายที่เขาก็เป็นตัวอย่างของความปรารถนาที่ไม่อาจต้านทานได้เช่นกัน
ในขณะที่ความตึงเครียดระหว่างแอนน์และบรายซ์ถึงจุดที่ควบคุมไม่ได้ แอนนาลีสต้องต่อสู้เพื่อไม่ให้ยอมแพ้ต่อสิ่งยั่วยวน และต้องตัดสินใจอย่างยากลำบาก ระหว่างการตามความทะเยอทะยานในอาชีพของเธอหรือยอมแพ้ต่อความปรารถนาลึกๆ ของเธอ เพราะเส้นแบ่งระหว่างสำนักงานและห้องนอนกำลังจะหายไปอย่างสิ้นเชิง
บรายซ์ไม่รู้จะทำอย่างไรเพื่อให้เธอออกไปจากความคิดของเขา แอนนาลีส สตาร์ลิ่ง เคยเป็นแค่เด็กสาวที่ทำงานกับพ่อของเขา และเป็นที่รักของครอบครัวเขา แต่โชคร้ายสำหรับบรายซ์ เธอกลายเป็นผู้หญิงที่ขาดไม่ได้และยั่วยวนที่สามารถทำให้เขาคลั่งได้ บรายซ์ไม่รู้ว่าเขาจะสามารถห้ามมือของเขาไม่ให้แตะต้องเธอได้นานแค่ไหน
ในเกมที่อันตราย ที่ธุรกิจและความสุขต้องห้ามมาบรรจบกัน แอนน์และบรายซ์ต้องเผชิญกับเส้นแบ่งที่บางเบาระหว่างเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว ที่ทุกสายตาที่แลกเปลี่ยน ทุกการยั่วยุ เป็นคำเชิญให้สำรวจดินแดนที่อันตรายและไม่รู้จัก













